แบงค์กรุงเทพ ช่วยเหลือลูกค้ารายย่อย บรรเทาหนี้

admin
0 0

Sharing is caring!

Read Time:4 Minute, 57 Second

ธนาคารกรุงเทพ ขานรับนโยบายธปท. เรื่องมาตรการช่วยเหลือลูกค้ารายย่อย ครอบคลุมลูกค้าบัตรเครดิต ลูกค้าสินเชื่อบุคคลภายใต้การกำกับ ลูกค้าสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อ ที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ระยะที่ 2 ทั้งปรับลดเพดานดอกเบี้ยเป็นการทั่วไป ขยายเพิ่มวงเงิน และมาตรการขั้นต่ำเพิ่มเติม รวมถึงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้เพื่อช่วยบรรเทาภาระให้ลูกหนี้

นายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศมาตรการเพิ่มเติมระยะที่ 2 เพื่อช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 (COVID-19) นั้น ธนาคารเข้าใจถึงสถานการณ์ที่ประชาชนยังคงเผชิญอยู่ ด้วยเหตุนี้จึงได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้ารายย่อย ครอบคลุมลูกค้าบัตรเครดิต ลูกค้าสินเชื่อบุคคลภายใต้การกำกับ ลูกค้าสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน โดยเน้นการปรับลดเพดานดอกเบี้ยเป็นการทั่วไป การเพิ่มวงเงิน และมาตรการขั้นต่ำเพิ่มเติม เช่น การลดอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำ การเปลี่ยนสินเชื่อระยะสั้นเป็นระยะยาว การลดค่างวด การเลื่อนชำระค่างวดหรือเงินต้น เป็นต้น รวมถึงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้เพื่อช่วยลูกค้าลดความวิตกและกังวลใจจากผลกระทบดังกล่าว

สำหรับมาตรการช่วยเหลือลูกค้าดังกล่าว ประกอบด้วยรายละเอียด ดังนี้

สินเชื่อบัตรเครดิต
มาตรการทั่วไป

  • ปรับลดเพดานดอกเบี้ยมาอยู่ที่ 16% ต่อปี (จากเดิม 18% ต่อปี) มีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2563
  • ขยายวงเงินให้แก่ลูกค้าที่มีความจำเป็นและมีประวัติการชำระหนี้ที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง
  • สำหรับลูกค้าที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่ำกว่า 30,000 บาท จาก 1.5 เท่า เป็น 2 เท่า เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2563 สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2564
  • มาตรการขั้นต่ำ ลูกค้าสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ถึง วันที่ 31 ธันวาคม 2563

คงอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำ 5% ในปี 2563-2564 เป็น 8% ในปี 2565 และ 10% ในปี 2566
เปลี่ยนประเภทเป็นสินเชื่อที่มีระยะเวลา (term loan) 48 งวด หรือขยายระยะเวลาตามความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า โดยคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 12% ต่อปี ทั้งนี้การพิจารณาให้ใช้วงเงินที่เหลืออยู่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การพิจารณาของธนาคาร โดยเมื่อรวมกับยอดคงเหลือของสินเชื่อเดิมต้องไม่เกินกว่าวงเงินที่ได้รับการอนุมัติ
มีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทำให้รายได้ไม่เพียงพอในการชำระหนี้ โดยพิจารณาเป็นรายกรณี

สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ
มาตรการทั่วไป

  • ปรับลดเพดานดอกเบี้ยมาอยู่ที่ 25% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2563
  • ขยายวงเงินให้แก่ลูกค้าที่มีความจำเป็นและมีประวัติการชำระหนี้ที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง
  • สำหรับลูกค้าที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนหรือกระแสเงินสดหมุนเวียนเข้าในบัญชีเงินฝากเฉลี่ยต่อเดือนต่ำกว่า 30,000 บาท จาก 1.5 เท่า เป็น 2 เท่า เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2563 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564
  • มาตรการขั้นต่ำ ลูกค้าสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563

ประเภทสินเชื่อที่มีลักษณะหมุนเวียน (Revolving Loan)

  • ลดอัตราผ่อนขั้นต่ำ ตามความสามารถในการชำระหนี้
  • เปลี่ยนเป็นสินเชื่อที่มีระยะเวลา (term loan) 48 งวด หรือขยายระยะเวลาตามความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า โดยคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 22% ต่อปี ทั้งนี้จะพิจารณาให้ใช้วงเงินที่เหลือตามความสามารถในการชำระหนี้ตามเกณฑ์การพิจารณาของธนาคาร
  • ประเภทสินเชื่อที่ผ่อนชำระเป็นงวด (Installment Loan)

ลดค่างวดอย่างน้อย 30% โดยคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 22% ต่อปี

สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน ลูกค้าสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563

  • เลื่อนชำระค่างวด (เงินต้นและดอกเบี้ย) เป็นระยะเวลา 3 เดือน หรือ
  • เลื่อนชำระเงินต้น (จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย) เป็นระยะเวลา 3 เดือน และพิจารณาลดดอกเบี้ยให้ลูกค้าแต่ละรายตามความเหมาะสม หรือ
    ลดค่างวดโดยขยายเวลาการชำระหนี้
  • ช่วยเหลือเพิ่มเติมสำหรับกลุ่มลูกค้าสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน โดยพิจารณาเป็นรายกรณีตามหลักเกณฑ์การพิจารณาของธนาคาร

การปรับปรุงโครงสร้างหนี้
กรณีที่ลูกค้าไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามสัญญา หรือมาตรการขั้นต่ำ หรือมาตรการอื่น ธนาคารจะเร่งดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้แก่ลูกค้า โดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ เพื่อช่วยเหลือลูกค้าและบรรเทาความเดือดร้อนเป็นการเร่งด่วนต่อไป

“มาตรการเหล่านี้ธนาคารกรุงเทพได้เร่งดำเนินการเพื่อช่วยเหลือลูกค้าและบรรเทาความเดือดร้อนเป็นการเร่งด่วน โดยเน้นให้ความช่วยเหลือทั้งในวงกว้างแก่ลูกค้าเป็นการทั่วไป และความช่วยเหลือแบบเจาะจงสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ซึ่งเน้นให้ความช่วยเหลือก่อนที่ลูกค้าจะกลายเป็นหนี้เสีย มิฉะนั้นจะกระทบต่อประวัติเครดิตของลูกค้า อันจะเป็นผลเสียต่อการขอใช้บริการสินเชื่ออื่นๆ ในอนาคต” นายสุวรรณ กล่าว

สำหรับลูกค้าที่มีสินเชื่อหลายประเภทสามารถขอรับความช่วยเหลือได้ทุกประเภทสินเชื่อตามเงื่อนไขดังกล่าวข้างต้น โดยเบื้องต้นลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์และลงทะเบียนได้ทางช่องทางเว็บไซต์ https://www.bangkokbank.com/COVID19-Update หรือ QR Code ตามแนบ หรือสาขาธนาคาร หรือสำนักธุรกิจของธนาคาร กำหนดลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ขณะเดียวกัน ลูกค้าที่ไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงหรือมีความสามารถผ่อนชำระสินเชื่อได้เช่นเดิม ยังคงสามารถใช้บริการและชำระสินเชื่อต่างๆ ได้ตามปกติ

ทั้งนี้ ลูกค้าทุกท่านสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากสื่อประชาสัมพันธ์ของธนาคารกรุงเทพทุกช่องทาง ได้แก่ www.bangkokbank.com, Bangkok Bank Line Official หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ บัวหลวงโฟน โทร.1333 หรือ 0 2645 5555

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

Leave a Reply

Next Post

แม็กซ์อิมเมจ ผุด Max Tech ตัดเต็ม Virtual Event

แม็กซ์อิมเมจ ผุดเทคโนโลยี Max Tech สร้างอีเวนท์ในรูปแบบ Virtual อีเวนท์เสมือนจริง สร้างสีสัน และเอกลักษณ์แบรนด์ พร้อมนำอีเว้นท์ออนกรานด์ ออนไลน์ เสริมทัพ