กรีนพีซร่วมกับเครือข่ายชุมชน เห็นต่าง ไม่สนับสนุนคาร์บอนเครดิต เรียกร้องรัฐบาลแพทองธารหยุดฟอกเขียวให้กับยักษ์ใหญ่คาร์บอน
เครือข่ายประชาชนเสริมสร้างความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศและหยุดคาร์บอนเครดิตรวมตัวกันกว่า 200 คน บริเวณหน้าอาคารสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก และส่งตัวแทนยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงเลขาธิการบริหารกรอบอนุสัญญาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC Executive Secretary) ระบุ การเงินด้านสภาพภูมิอากาศ (Climate Finance) ต้องยึดหลักความรับผิดชอบทางประวัติศาสตร์ในการก่อโลกเดือดของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมร่ำรวยโดยการชําระคืน “หนี้นิเวศ” ให้กับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและยากจนในซีกโลกใต้ และจากนั้นได้เคลื่อนขบวนไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อเรียกร้องรัฐบาลยุติการฟอกเขียวให้กับยักษ์ใหญ่คาร์บอน
ไทยเป็นหนึ่งในประเทศกำลังพัฒนาในซีกโลกใต้ 10 อันดับต้นของโลก ที่มีความเสี่ยงสูงจากผลกระทบของวิกฤตสภาพภูมิอากาศในระยะยาว แม้ว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกคิดเป็นประมาณ 1% ของทั้งโลก แต่จากรายงาน Carbon Majors ชี้ให้เห็นว่า บริษัทอุตสาหกรรมฟอสซิลของไทยจัดอยู่ในอันดับ 96 จากจำนวนกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน ก๊าซฟอสซิลที่ใหญ่ที่สุด 122 แห่งของโลก บริษัทดังกล่าวเป็นสมาชิกของ International Association of Oil and Gas Producers (IOGP) ซึ่งมีส่วนร่วมในนโยบายสภาพภูมิอากาศทางลบ โดยสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนเชื้อเพลิงฟอสซิลเพิ่มขึ้น
การประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพสมัยที่ 16(CBD COP16) ณ ประเทศโคลอมเบีย และการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 29 (COP29) ณ สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม และ พฤศจิกายน 2567
ธารา บัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซ ประเทศไทย กล่าวว่า เป็นโอกาสสำคัญที่รัฐบาลไทยจะแสดงจุดยืนที่ชัดเจนต่อผู้คนในประเทศและประชาคมโลกเพื่อสอดประสานอนุสัญญา 2 ฉบับนี้เข้าด้วยกัน ว่าจะเลือกความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศที่รับรองสิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดีและมีสุขภาวะของประชาชน หรือการล่มสลายทางนิเวศวิทยาจากอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิล อุตสาหกรรมอาหาร/เนื้อสัตว์ และอุตสาหกรรมขุดเจาะทรัพยากรธรรมชาติที่ปัดภาระรับผิดต่อผลกระทบจากโลกเดือดและมลพิษในระดับพื้นที่ตลอดห่วงโซ่อุปทานทั้งในอดีตและปัจจุบัน”
ณัฐวุฒิ กรมภักดี ตัวแทนขบวนสภาชุมชนริมรางเมืองขอนแก่น กล่าวว่า วิกฤตโลกเดือดคือการก่อมลพิษของบริษัทขนาดใหญ่ซึ่งเป็นคนไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของโลกใบนี้ แต่กลุ่มคนที่ต้องแบกรับผลกระทบจากโลกร้อนมากที่สุดคือคนจน มีปัจจัยซับซ้อนที่ทำให้โลกเดือดมีความรุนแรง ตั้งแต่ผังเมือง นโยบายการจัดการเมืองที่ไม่มีคนจนอยู่ในนั้นด้วย สิ่งที่รัฐบาลต้องปรับตัวคือ ยกเลิกกฎหมายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไม่ใช่สั่งให้คนตัวเล็กต้องปรับตัว โดยที่บริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ไม่ต้องรับผิดชอบ คาร์บอนเครดิตสัมพันธ์โดยตรงกับการแย่งยึดพื้นที่ของคนจน รัฐบาลต้องหยุดส่งเสริมคาร์บอนเครดิต และจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ที่ส่งเสริมสิทธิในการกำหนดชะตากรรมของตนเองของชุมชนท้องถิ่น
ระหว่างกิจกรรมยื่นจดหมายเปิดผนึก นักกิจกรรมกรีนพีซ ประเทศไทยกางป้ายผ้า ขนาด 10×10 เมตร ข้อความ “People Before Profit – หยุดฟอกเขียวยักษ์ใหญ่คาร์บอน” ที่อาคารสำนักงานกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ธารา กล่าวว่า แทนการเปิดประตูให้กลุ่มอุตสาหกรรมฟอสซิล อุตสาหกรรมเกษตร/เนื้อสัตว์รายใหญ่ และอุตสาหกรรมขุดเจาะทรัพยากรธรรมชาติทำการฟอกเขียวผ่านกลไกตลาดคาร์บอน รัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ต้องสร้างบทบาทนำในอาเซียนและกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่มีความเสี่ยงสูงต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้ชุมชนท้องถิ่นสามารถเข้าถึงกองทุนความสูญเสียและความเสียหาย(loss and damage) เพื่อฟื้นฟูวิถีการดำรงชีวิตจากวิกฤตโลกเดือด