ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประกาศกลยุทธ์ปี 2568 เดินหน้าช่วยลูกค้าและพันธมิตรเร่งเปลี่ยนผ่านสู่ ความยั่งยืน ด้วยสูตรสำเร็จ “เทคโนโลยีดิจิทัลผสานระบบไฟฟ้า” เผย “ดาต้าเซ็นเตอร์” ฐานลูกค้าใหญ่ พร้อมย้ำความสำเร็จช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลกได้มากถึง 679 ล้านตัน ระหว่างปี 2561-2567
กลยุทธ์ 3 แกนหลัก สร้าง Impact Makers
มงคล ตั้งศิริวิช ประธานชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย ลาว และเมียนมา เผยถึงแนวทางสำคัญที่ขับเคลื่อนผ่านกลยุทธ์ 3 แกน ได้แก่
- Strategize: วางแผนกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนเชิงรุก ครอบคลุมทั้งซัพพลายเชน
- Digitize: นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยตั้งแต่การให้คำปรึกษาจนถึงการวัดผล
- Decarbonize: ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยระบบวิเคราะห์ขั้นสูง
ด้วยแนวทางนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริคสามารถช่วยลูกค้าลดคาร์บอนและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในซัพพลายเชนหลักได้ถึง 40%

วิชั่นของชไนเดอร์ คือดิจิทัล และระบบไฟฟ้า จะช่วยสร้างความยั่งยืน โดยมีเอไอเป็นเบื้องหลังสนับสนุนให้เราบรรลุเป้าหมายได้ ดิจิทัล ทำให้เรามี Efficiency ส่วนไฟฟ้าจะช่วยให้เรานำพลังงานสะอาดเข้ามาใช้ได้มากยิ่งขึ้น
จากวิชั่นตรงนี้ ประกอบกับแนวทางการขยายตัวของโลกอนาคตใน 4 เซ็กเม้นท์หลักของชไนเดอร์ ไม่ว่าจะเป็น อาคาร (Buildings) ดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Centers) อุตสาหกรรม (Industry) หรือ โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) โดยแยกเป็น
- อาคาร: ช่วยลดการใช้พลังงานได้ถึง 40% และลดคาร์บอนถึง 77% ด้วยโซลูชั่นอาคารอัจฉริยะ
- ดาต้าเซ็นเตอร์: ยกระดับการจัดการพลังงาน รองรับการเติบโตของ AI
- อุตสาหกรรม: พัฒนา EcoStruxure ช่วยเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรม Net Zero
- โครงสร้างพื้นฐาน: ส่งเสริมการจัดหาพลังงานสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพ

มงคล กล่าวเสริมว่า จะนำอินดัสเทรียลเทค เข้ามาใช้ในทั้ง 4 ส่วน เพื่อทำให้ดึงดาต้า ดูดพลังงานบนแพลท์ฟอร์มที่มีเอไอมาช่วยสร้างประสิทธิภาพ และสำหรับบ้านพักอาศัย ยังมีโซลูชั่น Home Energy Management (HEMS) ผสาน AI เพื่อบริหารการผลิต-จัดเก็บ-ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
รับมือ 3 เมกะเทรนด์ พลิกโอกาสธุรกิจใหม่
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ชี้ 3 เมกะเทรนด์ที่ธุรกิจต้องเตรียมรับมือ:
- การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: 70% ของธุรกิจในเอเชียได้รับผลกระทบต้นทุนเพิ่มขึ้นถึง 41%
- ดิจิทัลและ AI: ความต้องการพลังงานดาต้าเซ็นเตอร์โตเกิน 10 เท่า
- การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน: ธุรกิจแสวงหาแหล่งพลังงานสะอาดเพื่อลดต้นทุนและผลกระทบ
เติบโตแข็งแกร่ง รายได้แตะ 38,153 ล้านยูโร
จากแนวทางที่เน้นสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม (Impact Revenues) ส่งผลให้ปี 2567 ชไนเดอร์ อิเล็คทริคมีรายได้รวมสูงถึง 38,153 ล้านยูโร เติบโต 8% จากปีก่อนหน้า โดย 74% ของรายได้มาจากธุรกิจที่สนับสนุนการลดคาร์บอนไดออกไซด์

เผยผลสำรวจ Green Impact Gap ในไทย
การผลักดันองค์กรจำนวนมากให้ก้าวสู่ความเป็น Impact Makers หรือกลุ่มผู้สร้างผลกระทบด้านความยั่งยืน คือหนึ่งในภารกิจที่ชไนเดอร์มุ่งเน้นเพื่อตอบโจทย์เมกะเทรนด์ได้อย่างตรงเป้าหมาย นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสการเติบโตจากความยั่งยืนให้องค์กรต่างๆ
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้มีการจัดทำการสำรวจ Green Impact Gap ประจำปี ร่วมกับพันธมิตร Milieu Insight ในกลุ่มผู้นำธุรกิจจำนวน 4,500 ราย ใน 9 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน เวียดนาม และผู้นำธุรกิจ 500 รายในไทย เพื่อชี้ให้เห็นความสำคัญของแผนการลงทุนในการขับเคลื่อนดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น พร้อมสร้างผลลัพธ์ได้จริงจากการดำเนินงานได้ตามเป้าหมาย ผลสำรวจพบว่า 95% ของบริษัทในกลุ่มประเทศดังกล่าวมีเป้าหมายด้านความยั่งยืน แต่มีเพียง 47% ที่ดําเนินการอย่างครอบคลุมเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
ขณะที่ช่องว่างการดําเนินการด้านความยั่งยืนของไทยในปี 2567 อยู่ที่ 50% แม้ว่า 98% มีเป้าหมายด้านความยั่งยืน แต่ดําเนินการตามกลยุทธ์อยู่ที่ 48% เท่านั้น อีกทั้ง 83% ของธุรกิจไทยให้ความสําคัญกับความยั่งยืน โดย 74% ของผู้บริหารระดับสูงมองว่าความยั่งยืนเป็นสิ่งสําคัญสําหรับบริษัท และ 39% มองว่าการดำเนินโครงการด้านความยั่งยืนนําไปสู่โอกาสทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้น โดย Impact Makers กําลังพัฒนาความยั่งยืนผ่านการเปลี่ยนสู่ดิจิทัลซึ่งให้ความสําคัญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ อีกทั้งตระหนักดีว่าการสร้างความยั่งยืนต้องให้ความสำคัญกับแนวทางและความร่วมมือในระบบนิเวศเพื่อสร้างความสำเร็จร่วมกัน

มงคล กล่าวว่า ชไนเดอร์ อิเลคทริค มีเป้าหมายในการขยายธุรกิจเติบโตปีละไม่ต่ำกว่า Double-digit growth โดยการนำดิจิทัลเทคโนโลยีผลานกับระบบไฟฟ้า โดยหนึ่งใน 4 เซกเม้นท์ที่สำคัญของชไนเดอร์ อิเลคทริคที่จะขยายและเป็นกลุ่มที่มีโอกาสทางการตลาดมากๆ คือ ดาต้า เซ็นเตอร์ อย่างไรก็ตาม ดาต้า เซ็นเตอร์ เป็นหน่วยงานที่ต้องใช้พลังงานมหาศาล สิ่งที่ชไนเดอร์ อิเลคทริค จะเข้ามารองรับตลาดคือ การหาดิจิทัลโซลูชั่นมาบาลานซ์การนำพลังงานเข้ามาใช้ เพื่อบริหารการใช้พลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด และทำให้เกิดการสูญเสียพลังงานที่ไม่เกิดประโยชน์ให้น้อยที่สุด รวมทั้งการนำพลังงานทดแทนหรือพลังงานสะอาดเข้ามาใช้
เรามองว่าเมกะเทรนด์ไม่เปลี่ยน นโยบายไม่เปลี่ยน ส่วนนโยบายของโดนัล ทรัมป์ ที่ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในเศรษฐกิจ แต่ชไนเดอร์ อิเลคทริคยังคงเดินหน้า วิชั่นของเรายังมองเรื่องซัสเทนเป็นหลัก
นวัตกรรมขับเคลื่อน Net Zero ท้ายสุดเราต้องปรับตัว
ในโปรดักส์เราพยายามทำให้ได้กรีน 100% ด้วยเป้าหมายการไปสู่ Net Zero 2050 และในปี 2025 นี้ จะต้องเป็น Carbon neutrality” หรือ ความเป็นกลางทางคาร์บอน ชไนเดอร์ อิเลคทริค ได้ปรับโครงสร้างและกำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจทางด้านความยั่งยืนมาแล้วกว่า 10 ปี
รางวัล Sustainability Impact Awards 2024
เพื่อยกย่องความร่วมมือด้านความยั่งยืน ชไนเดอร์ อิเล็คทริคได้มอบรางวัล Sustainability Impact Awards 2024 ให้กับ 5 บริษัทไทย ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้าเซ็นเตอร์ จำกัด บริษัท อาซีฟา จำกัด (มหาชน) บริษัท คอมพลีท อิเล็คทริเคิล โซลูชั่นส์ จำกัด สะท้อนการเป็นผู้นำที่สร้างผลกระทบเชิงบวก และสร้างโอกาสการเติบโตจากความยั่งยืนร่วมกัน
มงคล กล่าวอีกว่า 5% ของรายได้ ชไนเดอร์ อิเลคทริค นำกลับไปพัฒนานวัตกรรมสร้างผลกระทบเชิงบวกกับสิ่งแวดล้อม สัดส่วนของรายได้ของเรา 74% เป็น Impact Revenue คือ เป็นผลประกอบการที่เชื่อมโยงกับการสร้างผลกระทบเชิงบวกกับสิ่งแวดล้อม ทั้งการลดคาร์บอน การเพิ่มประสิทธิภาพในโอปอเรชั่นของลูกค้า