รร.บ้านแสนสุข สานต่อ โครงการเลี้ยงไก่ไข่

admin
0 0

Sharing is caring!

Read Time:3 Minute, 50 Second

เยี่ยม รร.บ้านแสนสุข จ.สระแก้ว น้องๆ และชุมชนได้อิ่มท้องช่วงโควิด บริโภค “ไข่ไก่” จากโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน

เปิดเทอมใหม่หลังโควิด 19 น้องๆ โรงเรียนบ้านแสนสุข ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว กลับมาเรียนและทำกิจกรรมตามวิถีปกติใหม่ โดยที่โรงเรียนยังระมัดระวังการเว้นระยะห่างในการทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียน ขณะที่เช้าวันนี้ เด็กๆ ชวนกันไปที่โรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่ที่พวกเขาช่วยกันเลี้ยง ดูแล และช่วยกันเก็บผลผลิตไข่ไก่เพื่อมาเป็นอาหารกลางวัน

โรงเรียนบ้านแสนสุข เป็นโรงเรียนอีกแห่งหนึ่ง ที่เข้าร่วมโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน และยังเป็นตัวอย่างของการบริหารจัดการผลผลิตไข่ไก่จากโครงการฯ ได้รับการสนับสนุนและถ่ายทอดความรู้การเลี้ยงไก่ไข่ จากบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ และ มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ส่งเสริมนักเรียนเลี้ยงไก่ไข่ เพื่อนำผลผลิตไข่ไก่ส่งเข้าโครงการอาหารกลางวัน และผลผลิตไข่ไก่อีกส่วนหนึ่งจำหน่ายให้กับชุมชน โดยซีพีเอฟสร้างโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่และปัจจัยการผลิต ทั้งพันธุ์สัตว์ อาหารสัตว์ ให้แก่โรงเรียน ผ่านระบบสมาชิกโครงการ รวมทั้งส่งเจ้าหน้าที่สัตวบาลให้ความรู้ คำปรึกษาในการเลี้ยงและการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ถูกต้องตามหลักวิชาการและการสุขาภิบาล

ในช่วงสถานการณ์โควิดซึ่งตรงกับช่วงปิดเทอม โรงเรียนไม่ต้องนำไข่ไก่มาทำอาหารกลางวันให้นักเรียน แต่นักเรียนยังได้รับประทานเมนูที่นำไข่ไก่มาปรุงอาหาร เนื่องจากโรงเรียนทำอาหารเพื่อแจกจ่ายให้แก่เด็กนักเรียนและชุมชนวันเว้นวัน โดยแจกจ่ายให้เด็กนักเรียนกัมพูชา และเด็กนักเรียนไทยซึ่งบางคนมาทานที่โรงเรียน บางคนมารับข้าวห่อกลับไปทานที่บ้าน รวมไปถึงคนในชุมชนที่ยากไร้ คนที่ตกงานจากการถูกเลิกจ้าง ก็สามารถมาทานอาหารที่โรงเรียนทำไว้เพื่อแจกจ่ายให้แก่ผู้ที่เดือดร้อน

“บรรจรงค์ วรเศรษฐสุขศิริ” ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านแสนสุข เล่าว่า ในช่วงที่เกิดสถานการณ์ระบาดของโควิด 19 โครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ ช่วยโรงเรียนและชุมชนได้มากที่สุด เนื่องจากผลผลิตไข่ไก่จากโครงการฯ ซึ่งเก็บผลผลิตได้วันละ 4 แผง (120 ฟอง) จะถูกนำมาจัดสรรเพื่อจำหน่ายให้แก่ชุมชน 3 แผง ในราคาแผงละ 80 บาท ส่วนอีก 1 แผง เตรียมไว้สำหรับใส่ตู้ปันสุขของชุมชน โดยทุกๆ 5 วัน โรงเรียนจะนำไข่ไก่ใส่ถุงๆ ละ 5 ฟอง พร้อมข้าวสาร 1 กิโลกรัม จำนวน 30 ชุด ไปใส่ตู้ปันสุข ซึ่งในช่วงโควิดสามารถนำผลผลิตไข่ไก่และข้าวสารไปใส่ตู้ปันสุขทั้งหมด 7 ครั้ง เป็นการบริหารจัดการผลผลิตไข่ไก่ในโครงการฯ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในช่วงวิกฤติ และยังเป็นการจัดการการสูญเสียอาหาร ที่จะนำไปสู่การบริโภคอย่างยั่งยืน

“โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันช่วยนักเรียนและชุมชนได้มากที่สุด เห็นได้ชัดเจนในช่วงสถานการณ์ระบาดของโควิด โรงเรียนนำเงินสำรองจากการจำหน่ายไข่ไก่มาซื้อวัตถุดิบ เช่น ข้าวสาร เพื่อใส่ในตู้ปันสุขของชุมชนช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน และซื้อเนื้อหมูมาปรุงอาหารเพื่อแจกจ่ายให้แก่เด็กนักเรียนและคนในชุมชนที่เดือดร้อน ” ผอ.โรงเรียนบ้านแสนสุข กล่าว

ด.ญ.ชมพูนุช เพ็งบุญโสม หรือน้องกล้วยหอม นร.ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 รร.บ้านแสนสุข เล่าอย่างอารมณ์ดีว่า ช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาซึ่งมีการระบาดของโควิด19 ทางโรงเรียนได้ช่วยเหลือชุมชนและนักเรียน โดยนำผลผลิตไข่ไก่ขายให้ชุมชนในราคาแผงละ 80 บาท และทำอาหารเพื่อแจกจ่ายให้นักเรียนและชาวบ้าน เช่น ข้าวผัดไข่ ไข่พะโล้ ผัดบวบใส่ไข่ โดยโรงเรียนจะทำอาหารแจกทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์ หนูได้ทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน ช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง และผลผลิตไข่ไก่ที่เหลือ โรงเรียนได้นำไปใส่ในตู้อิ่มสุขตามจุดต่างๆของอำเภอ ช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนช่วงโควิด

โรงเรียนบ้านแสนสุข เป็นโรงเรียนขนาดเล็กอยู่ในถิ่นทุรกันดารติดแนวชายแดนกัมพูชา เปิดการเรียนการสอนระดับชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 6 เด็กนักเรียน 70% เป็นชาวกัมพูชา และ 30% เป็นเด็กนักเรียนไทย โรงเรียนเข้าร่วมโครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ เมื่อปี 2562 มีเป้าหมายส่งเสริมเด็กและเยาวชนเข้าถึงอาหารและโภชนาการที่ดี บรรเทาปัญหาทุพโภชนาการ และเด็กๆ สามารถเรียนรู้ทักษะอาชีพเลี้ยงไก่ไข่เพื่อนำไปใช้ได้ปฏิบัติได้จริง รวมทั้งต่อยอดให้โรงเรียนเป็นแหล่งอาหารที่ยั่งยืน โดยปัจจุบันมีโรงเรียนทั่วประเทศทีร่วมโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียนแล้วจำนวน 855 โรงเรียน

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

Leave a Reply

Next Post

กรมเชื้อเพลิง - เชฟรอน มอบรถพยาบาลเคลื่อนที่

กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ร่วมกับบริษัท เชฟรอน ออฟชอร์ (ประเทศไทย) และบริษัทร่วมทุนแปลงสำรวจหมายเลข B8/32 มอบรถพยาบาลเคลื่อนที่พร้อมอุปกรณ์ช่วยชีวิตฉุกเฉิน 2 คัน มูลค่ารวมกว่า 6.28 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของโรงพยาบาลในเขตพื้นที่จังหวัดชุมพรและสุราษฎร์ธานี