หาดทิพย์ เล็งสร้างความชัดเจน การเก็บกลับบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มโคคา-โคล่า จาก 14 จังหวัดภาคใต้ในพื้นที่รับผิดชอบ เร่งเจรจาพันธมิตรในซัพพลายเชน สร้างไพรอทโปรเจค ระบุเมื่อทุกอย่างลงตัว พร้อมเปิดโปรเจคทันที ควบคู่การดำเนินธุรกิจยั่งยืน รักษาสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
จากการที่บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) เปิดโรงงานหาดทิพย์ใหม่ โรงงานพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งถือเป็นโรงงานแห่งที่ 2 ต่อจากโรงงานที่หาดใหญ่ ด้วยงบลงทุนตั้งแต่ปี 2562 ต่อเนื่องถึงปี 2568 รวมเฉียด 3,500 ล้านบาท โดยโรงงานแห่งนี้ เป็นฐานการผลิตขวดแก้วที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย มีเทคโนโลยีการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ทันสมัย และเป็นโรงงานที่คำนึงถึงหัวใจหลักในการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมดี สังคมดี และเศรษฐกิจดี ผ่านการสร้างความสมดุลย์ด้านประชาชน และผู้บริโภค ผู้มีส่วนได้เสีย และรักษาสิ่งแวดล้อม สร้างความอุดมสมบูรณ์ สร้างธุรกิจให้เกิดความยั่งยืน ด้วยแนวคิด “หาดทิพย์เคียงข้างชาวใต้”
- ผสานเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพลดคาร์บอน
จอห์น เบเนเดตตี รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการอาวุโส – ซัพพลายเชน บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โรงงานแห่งที่สองที่พูนพิน เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2562 มี 2 สายการผลิตใหญ่ โดยเฉพาะสายการผลิตขวดแก้วขนาดใหญ่ ผลิตได้ 800 ขวดต่อนาที และมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในเอเชีย โดยใช้งบลงทุนจนถึงสิ้นปีนี้ราว 3,000 ล้านบาท
โรงงานแห่งนี้มีแนวทางการดำเนินงานที่สอดรับกับการเติบโตอย่างยั่งยืน มีเทคโนโลยีหลายอย่างที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และลดการใช้พลังงาน มีแพลตฟอร์มดิจิทัล (Dashboard) สำหรับประเมินการการใช้พลังงานของเครื่องจักร รวมทั้งสามารถตรวจดูได้เลยว่า ในกระบวนการผลิตของโรงงานปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เท่าไร และการควบคุมการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นอย่างไร
“การที่เราจะพัฒนาปรับปรุงอะไรได้ เราต้องมีการวัดผลทั้งหมดให้ครอบคลุมก่อน ซึ่ง Dashboard นี้ สามารถแสดงผลได้ครอบคลุมทั้ง 3 สโคปการดำเนินงานของหาดทิพย์ เช่น ตัวเลขที่แสดงผลล่าสุดสโคปหนึ่ง หลักๆ คือเรื่องเชื้อเพลิง ปล่อยประมาณ 10,000 ตัน สโคปสองประมาณ 7,500 ตัน และสโคป 3 ประมาณ 62,000 ตัน”
นอกจากนี้ ยังมีระบบบำบัดน้ำเสียที่มีประสิทธิภาพ ลดการใช้พลังงาน รวมถึงการลงทุนด้านโซล่าเซลล์ ทั้งในรูปแบบของโซล่ารูฟ และโซล่าโฟลทติ้งรวมมากกว่า 9 พันแผง ทำให้ปัจจุบันมีสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนได้แล้ว 19% พร้อมช่วยลดคาร์บอนลงได้กว่า 3 พันตันคาร์บอนต่อปี
หาดทิพย์ยังมีแผนลงทุนต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เป็นไปตามเป้า ด้วยงบประมาณกว่า 490 ล้านบาท ตั้งการติดตั้งโซล่าเซลล์เพิ่ม ทั้งที่อาคารบ้านพักพนักงานและ โซล่าโฟลทติ้ง ที่จะทำให้เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนเป็น 28% ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้เพิ่มขึ้นอีก 2 พันตันคาร์บอนต่อปี รวมไปถึงการลงทุนขยายคลังสินค้า รวมทั้งการรับผิดชอบบุคลากร ด้วยการสร้างบ้านพักพนักงาน ที่ออกแบบภายใต้ Eco-friendly Design ซึ่งใช้งบอีกราว 190 ล้านบาท
- บริหารจัดการบรรจุภัณฑ์ครบลูป
ส่วนของบรรจุภัณฑ์ โดยเฉพาะขวดแก้วซึ่งโรงงานพูนพินเป็นแหล่งผลิตใหญ่ ได้มีการปรับใช้ฉลากกระดาษที่สามารถนำมารีไซเคิลได้ 100% แทนการสกรีนสีลงบนขวด ที่จะมีผลต่อการทำความสะอาด และอีกหนึ่งโครงการสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้น คือ การเก็บกลับบรรจุภัณฑ์ ที่สอดคล้องกับกฎหมาย EPR (Extended Producer Responsibility) ซึ่งควบคุมวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ตั้งแต่การเริ่มต้นคิดการออกแบบผลิตภัณฑ์ การจัดส่งกระจายสินค้า การรับคืน การเก็บรวบรวม การใช้ซ้ำ การนำกลับมาใช้ใหม่ และการบำบัด เพื่อให้เกิดเป็นกระบวนการที่ยั่งยืนของผลิตภัณฑ์
นันทิวัต ธรรมหทัย รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ – องค์กรสัมพันธ์และการสื่อสาร บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ส่วนของบรรจุภัณฑ์รีไซเคิล ปัจจุบันโคคา – โคล่า ใช้ขวด rPET 100% (ไม่รวมฉลากและฝา)ในผลิตภัณฑ์โคคา-โคล่า ขนาด 1 ลิตร ทั้งสูตรออริจินัล และสูตรไม่มีน้ำตาลแล้ว และหาดทิพย์มีแนวคิดต่อยอดขวด rPET ด้วยการพยายามหาโมเดลในการเก็บกลับบรรจุภัณฑ์ในพื้นที่หาดทิพย์จำหน่ายสินค้าอยู่ทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ เพื่ือนำกลับมารีไซเคิลเป็นขวดเพื่อใช้ใหม่
“rPET เราใช้แล้ว และเราอยากใช้ rPET จากขวดที่เก็บที่ภาคใต้ เราศึกษากันมาระยะหนึ่งแล้ว เราต้องทำงานร่วมกับซัพพลายเชน ซึ่งกำลังคุยกับพาร์ทเนอร์ ตอนนี้ใกล้ที่จะทำไพรอทโปรเจคแล้ว คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ เรามีความตั้งใจไม่เพียงแต่การใช้ rPET เลซิ่น แต่เราจะเอาขวดที่ขายไปกลับมา เพื่อให้ครบลูปของผลิตภัณฑ์จริงๆ”
นี่คืออีกหนึ่งพันธกิจของ หาดทิพย์ ในการดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม รับผิดชอบและสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมที่ดี สังึมดี และเศรษฐกิจดี ภายใต้แนวคิด “หาดทิพย์เคียงข้างชาวใต้”