“โลมา ทรงอย่างแบด” สวัสดิภาพสัตว์ไม่ใช่ความบันเทิงของมนุษย์

admin
0 0

Sharing is caring!

Read Time:3 Minute, 19 Second

แถลงการณ์องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย เรียกร้องหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเร่งยุติ ความโหดร้ายทารุณต่อโลมา และสัตว์ป่าอื่นๆ ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

จากกรณีการแสดงเพลง “ทรงอย่างแบด” คู่กับโลมา ณ สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง ซาฟารีเวิร์ด ในโอกาสวันเด็กแห่งชาติปี 2566 ที่ได้มีการแชร์และถกเถียงทางโลกโซเชียลกันอย่างกว้างขวาง

สิ่งที่เกิดขึ้น แสดงให้เห็นว่าสังคมไทยยังขาดความตระหนักรู้เรื่องความโหดร้ายทารุณของการนำสัตว์ป่ามาใช้งานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ตลอดจนปัญหาด้านสวัสดิภาพมากมายที่พวกมันต้องเผชิญ เรียกว่าโลมาเหล่านี้ ต้องมีชีวิตที่ ‘แซดอย่างบ่อย’ เพียงเพื่อความบันเทิงของมนุษย์ก็คงไม่ผิดนัก

‘โลมา’ เป็นสัตว์เลือดอุ่นและเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเช่นเดียวกับมนุษย์ พวกมันเป็นสัตว์สังคมที่มีความชาญฉลาด สามารถสื่อสารกันเองด้วยการส่งเสียงรูปแบบต่าง ๆ โลมาตามธรรมชาติ มีบทบาทสำคัญในการรักษาสมดุล
ระบบนิเวศ และเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญของความอุดมสมบูรณ์ของมหาสมุทรทั่วโลก โลมาแต่ละฝูงมีอาณาเขตกว้างขวางมาก เฉลี่ยราว ๆ 100 ตารางกิโลเมตร

ในทางกลับกัน ปัจจุบันนี้มีโลมามากกว่า 3,000 ตัว ที่ถูกจับจากธรรมชาติและผสมพันธุ์โดยมนุษย์ เพื่อใช้งานเชิงพาณิชย์ทั่วโลก รายงานขององค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกพบว่า พวกมันต้องถูกแยกลูกแยกแม่ตั้งแต่เด็ก ถูกขังในพื้นที่ที่แคบกว่าอาณาเขตตามธรรมชาติของพวกมันหลายหมื่นเท่า ถูกฝึกให้แสดงท่าทางที่ไม่ใช่พฤติกรรมตามธรรมชาติของพวกมันด้วยวิธีการที่โหดร้ายทารุณ ซึ่งรวมถึงการทำให้โลมาอดอาหาร นอกจากนี้ โลมายังสามารถเกิดความเครียดได้จากเสียงดังของผู้ชมและดนตรีประกอบในพื้นที่อีกด้วย โดยพวกมันจะต้องใช้ชีวิตท่ามกลางสภาพแวดล้อมแบบนี้ไปตลอดอายุขัย

นายฉัตรณรงค์ เมืองวงษ์ ผู้จัดการแคมเปญสัตว์ป่า องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย กล่าวว่า การนำสัตว์ป่ามาใช้งาน ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยังไม่มีประโยชน์ด้านการศึกษาหรือการอนุรักษ์อย่างที่หลายฝ่ายกล่าวอ้างอีกด้วย เนื่องจากสัตว์ป่าที่ถูกใช้งานโดยมนุษย์มาตลอดชีวิตนั้นจะกลับไปใช้ชีวิตตามธรรมชาติได้ยากมาก ยิ่งไปกว่านั้น สถานที่ท่องเที่ยวอาจจะไม่ได้ให้ข้อมูลด้านผลกระทบต่อสวัสดิภาพสัตว์ตามความเป็นจริงกับผู้ชมโดยเฉพาะเด็ก ๆ ความโหดร้ายทารุณจึงไม่เป็นที่รับรู้ของสังคมมากนัก

ปัจจุบัน ภาครัฐและเอกชนทั่วโลกให้ความสำคัญกับการปกป้องโลมามากขึ้น แพลตฟอร์มท่องเที่ยวรายใหญ่อย่าง TripAdvisor และ Booking.com มีแผนที่จะยุติการขายกิจกรรมโชว์โลมา และการสัมผัสกับโลมาแล้ว ด้านรัฐบาลแคนาดาประกาศแบนการกักขังโลมาเพื่อความบันเทิง เช่นเดียวกับฝรั่งเศสที่แบนการผสมพันธุ์โลมาเชิงพาณิชย์แล้ว ขณะที่รัฐบาลอีกหลายประเทศกำลังเร่งผลักดันกฎหมายปฏิรูปสวัสดิภาพโลมา เช่น บราซิล โบลีเวีย ชิลี คอสตาริกา อินเดีย ลักเซมเบอร์ก นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร

องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกขอเรียกร้องไปยังหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องในการร่วมมือกันยุติความโหดร้ายทารุณต่อโลมา ตลอดสัตว์ป่าอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างจริงจัง ยุติการบังคับแสดงโชว์ที่ไม่ใช่พฤติกรรมตามธรรมชาติของสัตว์ ยุติการผสมพันธุ์เชิงพาณิชย์ และหันมาดูแลสัตว์ที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มีสวัสดิภาพที่ดี ตลอดจนปรับปรุงกฎหมายและนโยบายที่เกี่ยวข้องเพื่อปกป้องสัตว์ป่าอย่างแท้จริง

“เราขอถือโอกาสนี้ส่งสารไปยังสถาบันการศึกษาและพ่อแม่ผู้ปกครองทุกท่านด้วยเช่นกัน ให้ฉุกคิดและตั้งคำถามต่อกิจกรรมที่เป็นการทำร้ายสัตว์ป่าเหล่านี้มากขึ้น และหันมาสนับสนุนการศึกษาเรียนรู้สัตว์ป่าตามถิ่นที่อยู่ในธรรมชาติแทน เพื่อให้บุตรหลานของท่าน ในฐานะเยาวชนของชาติ ได้เติบโตพร้อมกับความรู้ความเข้าใจด้านสวัสดิภาพสัตว์ที่ถูกต้อง ไม่มองสัตว์ป่าเป็นเครื่องมือสร้างความบันเทิงของมนุษย์อีกต่อไป” นายฉัตรณรงค์ กล่าว

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

Leave a Reply

Next Post

ซีพีเอฟ ประกาศโรดแมปสู่ Net Zero 2593

ซีพีเอฟ ประกาศความสำเร็จยกเลิกใช้ถ่านหิน 100% กิจการในประเทศไทย พร้อมเปิดโรดเแมปสู่ Net Zero ในปี 2593 เดินหน้าสร้างไทยแลนด์โมเดล ก่อนเดินหน้าปรับโรงงานซีพีเอฟ 17 ประเทศทั่วโลก สู่ทิศทางแห่งความยั่งยืน