เฮงเค็ล พุ่งเป้าพัฒนาความยั่งยืนสู่ปี 2568

admin
0 0

Sharing is caring!

Read Time:5 Minute, 55 Second

เฮงเค็ล เผยแพร่รายงานความยั่งยืนฉบับที่ 30 โดยให้รายละเอียดถึงความสำเร็จและความก้าวหน้าในด้านความยั่งยืน  รวมถึงเป้าหมายที่ท้าทายปี 2568

สำหรับเฮงเค็ล ความยั่งยืนไม่เพียงแต่เป็นส่วนหนึ่งของประเพณีอันยาวนานของเรา แต่ยังเป็นองค์ประกอบสำคัญของวาระเชิงกลยุทธ์เพื่อการเติบโตอย่างมีจุดมุ่งหมายด้วย ในปี 2553 เราได้กำหนดกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนในระยะยาวและกำหนดเป้าหมายไปถึงปี 2573 และเราภูมิใจในความก้าวหน้าที่เราได้ทำ เราได้บรรลุเป้าหมายเป็นส่วนใหญ่และยังเกินเป้าหมายไปบางส่วนด้วย” นายคาร์สเทน โนเบิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเฮงเค็ล กล่าว “ด้วยนวัตกรรมที่ยั่งยืนในธุรกิจผู้บริโภคและอุตสาหกรรมของเรา เรามุ่งมั่นที่จะสร้างมูลค่าที่โดดเด่นเกินกว่าการเติบโตของตลาด ในขณะเดียวกันก็เสริมสร้างบทบาทผู้นำด้านความยั่งยืนไปด้วย

“การระบาดของไวรัสโควิด-19 ครั้งใหญ่ทั่วโลกในปี 2563 ทำให้เกิดความท้าทายใหม่ๆ ขึ้นมากมาย อย่างไรก็ตามด้วยความร่วมมือร่วมใจกันกับทีมงานที่มีความกระตือรือร้นของเราทั่วโลก เราได้จัดการเพื่อขับเคลื่อนวาระความยั่งยืนของเราไปข้างหน้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ การเป็นบริษัทที่เอื้อต่อสภาพภูมิอากาศ ทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน และเพิ่มผลกระทบทางสังคมเชิงบวก ความพยายามของเราประสพผลความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ทั้งในระดับบริษัท ผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยีทั้งหมดของเรา” ซิลวี นิโคล สมาชิกคณะกรรมการบริหารเฮงเค็ลที่รับผิดชอบด้านทรัพยากรบุคคลและความยั่งยืน กล่าวเสริม

มุ่งมั่นสู่ความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน

ในปี 2553 เฮงเค็ลได้กำหนดกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนในระยะยาวจนถึงปี 2573 โดยได้รับการสนับสนุนจากเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่เป็นรูปธรรม กลยุทธ์และเป้าหมายเหล่านี้ได้รับการปรับแต่งและขยายออกไปเรื่อยๆ ตั้งแต่นั้นมารากฐานที่สำคัญของกลยุทธ์คือความทะเยอทะยานในการสร้างมูลค่าเพิ่มโดยใช้ทรัพยากรน้อยลง – เพื่อให้ประชากรโลกที่เพิ่มมากขึ้นมีชีวิตที่ดี ในขณะเดียวกันก็ลดฟุตพรินท์ทั้งโลก

ปี 2563 ถือเป็นช่วงกลางระหว่างทางไปสู่ปี 2573 ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาเฮงเค็ลประสบความสำเร็จอย่างมากในทุกมิติของกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน โดยรวมแล้ว บริษัทฯ สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ถึงร้อยละ39 ใน 3 มิติ – ได้แก่ การปล่อย CO2 ของเสีย และน้ำ – ซึ่งถือได้ว่าเกินเป้าหมายอย่างมีนัยสำคัญที่แต่เดิมในปี 2563 ได้วางเป้าหมายไว้ว่าจะลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงร้อยละ 30 นอกจากนี้เฮงเค็ลยังสามารถบรรลุเป้าหมายด้านความปลอดภัยในปี 2563 โดยสามารถลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุทั่วโลกลงร้อยละ 50

ประวัติการรายงานความยั่งยืน 30 ปี

เฮงเค็ลเผยแพร่รายงานความยั่งยืนฉบับแรกในปี 2535 ทำให้เฮงเค็ลเป็นหนึ่งในบริษัทเพียงไม่กี่แห่งในอุตสาหกรรมและในตลาดหุ้นของเยอรมันที่สามารถมองย้อนกลับไปถึง 30 ปีของการรายงานความยั่งยืนที่สอดคล้องกันได้อย่างภาคภูมิใจ รายงานฉบับแรกมีชื่อว่า “รายงานด้านสิ่งแวดล้อม” และกล่าวถึงหลักการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของเฮงเค็ล“ตั้งแต่นั้นมากลยุทธ์การรายงานและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของเฮงเค็ลได้พัฒนาไปอย่างมาก วันนี้เรากล่าวถึงหัวข้อต่างๆ มากมายที่มีความสำคัญต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเราและเพื่อความสำเร็จในอนาคตของธุรกิจของเรา มีตั้งแต่การปกป้องมาตรฐานด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมในห่วงโซ่อุปทานของเรา ไปจนถึงการผลักดันความก้าวหน้าไปสู่บริษัทที่มีสภาพเอื้ออำนวยต่อภูมิอากาศ” นายอูเว เบิร์กมานน์ หัวหน้าฝ่ายการจัดการความยั่งยืนของเฮงเค็ลอธิบาย

เป้าหมายที่ชัดเจนสำหรับการปกป้องสภาพอากาศ

เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และจำกัดภาวะโลกร้อน เฮงเค็ลดำเนินการตามวิสัยทัศน์ระยะยาวในการเป็นบริษัทที่เอื้อต่อสภาพภูมิอากาศภายในปี 2583

บริษัทฯ มีเป้าหมายที่ทะเยอทะยานในการลดคาร์บอนฟุตพรินต์จากการผลิตลงร้อยละ 65 ภายในปี 2568 ประสิทธิภาพการใช้พลังงานจะได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและจะใช้เฉพาะไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนภายในปี 2573 ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2563 โครงการ Science Based Targets Initiative (SBTi) ยืนยันว่าเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซของเฮงเค็ลเป็นไปตามข้อกำหนดในการบรรลุเป้าหมายที่กำหนดโดยข้อตกลงด้านสภาพภูมิอากาศของปารีส

ความสำเร็จอีกครั้งในปี 2563 คือข้อสรุปของข้อตกลงการซื้อไฟฟ้าเสมือน (VPPA) ขนาดใหญ่สำหรับฟาร์มกังหันลมแห่งใหม่ใน Bee County รัฐเท็กซัส ซึ่งจะครอบคลุมความต้องการไฟฟ้าร้อยละ 100 ของเฮงเค็ลในสหรัฐอเมริกาในระยะยาว

นอกจากนี้ เฮงเค็ลต้องการใช้ประโยชน์จากการเข้าถึงแบรนด์และเทคโนโลยีในวงกว้างเพื่อช่วยลูกค้า ผู้บริโภค และซัพพลายเออร์เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง หลังจากช่วยให้สามารถประหยัดได้มากกว่า 55 ล้านตันในระยะเวลา 5 ปีจนถึงปี 2563 บริษัท จึงมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมาย 100 ล้านตันภายในปี 2568

ความคืบหน้าในการบรรลุเป้าหมายบรรจุภัณฑ์

เฮงเค็ลยังส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนและดำเนินการตามเป้าหมายบรรจุภัณฑ์ที่ทะเยอทะยาน เป้าหมายภายในปี 2568 คือบรรจุภัณฑ์ของเฮงเค็ลทั้งหมดร้อยละ 100 จะสามารถรีไซเคิลหรือนำกลับมาใช้ใหม่ได้* ในตอนท้ายของปี 2563 บริษัทประสบความสำเร็จไปแล้วประมาณร้อยละ 89 ของบรรจุภัณฑ์

บริษัทฯ กำลังดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มสัดส่วนของวัสดุรีไซเคิลในบรรจุภัณฑ์ ในขณะที่หลายแบรนด์นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุรีไซเคิลอยู่แล้ว บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มส่วนแบ่งของพลาสติกรีไซเคิลให้มากกว่าร้อยละ 30 สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหมดทั่วโลกภายในปี 2568 ณ สิ้นปี 2563 สัดส่วนนี้อยู่ที่ประมาณร้อยละ 15

ผลงานเชิงบวกต่อผลกระทบทางสังคม

การแก้ไขปัญหาความไม่เท่าเทียมกันทางสังคมเป็นหนึ่งในความท้าทายระดับโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเรา การระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เพิ่มสิ่งเหล่านี้มากยิ่งขึ้น โดยมักจะโจมตีไปยังกลุ่มที่เปราะบางที่สุดก่อนและรุนแรงขึ้นดังนั้นการต่อสู้กับโรคระบาดจึงเป็นภารกิจที่สำคัญอย่างยิ่งในปี 2563 เฮงเค็ลขยายกิจกรรมช่วยเหลือฉุกเฉินอย่างมีนัยสำคัญด้วยการเปิดตัวโครงการสมานฉันท์ระดับโลกเมื่อปีที่ผ่านมา สิ่งนี้สอดคล้องกับหนึ่งในหกประเด็นที่มุ่งเน้นด้านความยั่งยืนของเฮงเค็ลในการช่วยเหลือสังคมที่ได้รับผลกระทบ

ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะขยายผลกระทบทางสังคมเชิงบวกต่อชุมชนภายในปี 2568 ด้วยการจัดหาอย่างมีความรับผิดชอบ ร้อยละ 100 โดยใช้ประโยชน์จากพนักงานมากกว่า 50,000 คนซึ่งได้รับการฝึกอบรมให้เป็นทูตแห่งความยั่งยืนและด้วยการช่วยพัฒนาชีวิตกว่า 20 ล้านคนทั่วโลก

อีกหนึ่งตัวอย่างคือความร่วมมืออันยาวนานของเฮงเค็ลกับองค์กรพัฒนา Solidaridad เพื่อสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันรายย่อยในอเมริกาใต้ แอฟริกา และเอเชีย จนถึงปัจจุบันนี้สามารถเข้าถึงเกษตรกรรายย่อยแล้วประมาณ34,000 รายซึ่งเพาะปลูกบนพื้นที่ประมาณ 305,000 เฮกตาร์

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

Leave a Reply

Next Post

สินค้าความงามไต้หวันสุดฮอต ฟันยอดขายกระฉุด

กลุ่มอุตสาหกรรมความงามไต้หวัน โตแรง ฟันยอดขายกว่า 6.4 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือ 2 ล้านล้านบาท เผยรางวัล Taiwan Excellence การันตีคุณภาพ คาดดันยอดขายเพิ่มตลาดเอเชียได้อีกกว่าเท่าตัว