0
0
วีรันดา รีสอร์ท กางแผนลงทุน 4 โปรเจกต์หรูอสังหา มูลค่ากว่า 3,800 ล้าน พร้อมต่อเติมโรงแรม เพิ่มห้องพักรวม 1,360 ห้อง มูลค่า 4,200 ล้าน รับนักท่องเที่ยวคึกคัก ดีลเพิ่มแบรนด์อาหารเสริมแกร่งธุรกิจ
นายวีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ VRANDA เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางแผนลงทุนในส่วนของธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทในระยะ 5 ปีข้างหน้า 6 แห่งด้วยกัน รวมมูลค่าการลงทุนในธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทประมาณ 4,000 ล้านบาท เริ่มจากปี 2566-2567 วางแผนพัฒนา “โครงการวีรันดา พูลวิลล่า หัวหิน ชะอำ” (Veranda Pool Villas hua hin – cha am) บ้านพักแบบพูลวิลล่าหรู และ “โครงการวีรันดา รีสอร์ท ภูเก็ต, ออโตกราฟ คอลเลคชั่น” (Veranda Resort Phuket Autograph Collection) บนทำเลศักยภาพใกล้แหลมพันวา มีจำนวน 159 ห้อง บนเนื้อที่กว่า 10 ไร่ ซึ่งได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้วเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา และคาดว่าจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 4 ของปี 2567
ขณะที่ “โครงการวีรันดา คอลเลคชั่น สมุย – ร็อคกี้ รีสอร์ท” (Veranda Collection Samui – Rocky’s Resort) มีแผนการก่อสร้างห้องพักเพิ่มเติมจำนวน 20 ห้อง จาก 50 ห้องในปัจจุบัน ซึ่งจะส่งผลให้ในปี 2567 วีรันดา รีสอร์ทฯ มีจำนวนห้องพักเพิ่มขึ้นอีก 27% จาก 679 ห้อง เป็น 860 ห้อง
ส่วนในปี 2568-2570 จะลงทุนธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทเพิ่มอีก 4 แห่ง ในพื้นที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ เขาใหญ่ เชียงใหม่ กระบี่ และกรุงเทพฯ ซึ่งจะทำให้วีรันดา รีสอร์ท มีจำนวนห้องพักเพิ่มขึ้นอีก 500 ห้อง รวมเป็น 1,360 ห้อง ณ สิ้นปี 2570 หรือเพิ่มขึ้น 100% จากปัจจุบัน
ด้านแผนลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย “โครงการวีรันดา พูล วิลล่า หัวหิน ชะอำ” (Veranda Pool Villas hua hin – cha am) บ้านตากอากาศหรูแบบพูล วิลล่า ซึ่งได้เปิด Presale ไปแล้วเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา โดยจะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ปลายปีนี้ “โครงการวีรันดา เรสซิเดนซ์ ภูเก็ต” ประกอบด้วย ลักชัวรี่ พูล วิลล่า และ ลักชัวรี่ พูล สวีท เรสซิเดนซ์ ซึ่งจะเปิด Presale ครึ่งปีหลัง 2566 อีกทั้งจะมีการพัฒนาโครงการต่อเนื่องที่เขาใหญ่ และชะอำ-หัวหิน จึงมั่นใจว่านับจากนี้ไปวีรันดา รีสอร์ทฯ จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นและพร้อมเติบโตก้าวกระโดดอย่างแน่นอน
ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 382 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่มีรายได้รวม 307 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 7 ล้านบาท เติบโตถึง 133% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีขาดทุนสุทธิ 21 ล้านบาท เป็นผลมาจากธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทที่เติบโต 101% ตามสถานการณ์ธุรกิจท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวและคึกคักต่อเนื่องจากปลายปีที่แล้ว โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากโรงแรม SO Bangkok (โซ แบงคอก) ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับภาพรวมธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทในไตรมาส 2 นี้ คาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวจีนจะเดินทางมายังประเทศไทยมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความคึกคักให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยนับจากไตรมาส 2 ไปถึงสิ้นปี ส่งผลให้ภาคธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทของปีนี้สามารถเติบโตได้และกลับไปสู่ระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนการระบาดโควิด-19 โดยบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าโฟกัสกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หลากหลายมากขึ้น อาทิ นักท่องเที่ยวตะวันออกกลาง และนักท่องเที่ยวอินเดีย ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่เดินมายังประเทศไทยและกำลังเติบโตอย่างมากในปัจจุบัน
