
ซีอีโอ “จระเข้” พลิกเกมวัสดุก่อสร้างไทย สู่ผู้นำนวัตกรรมรักษ์โลก เดินหน้า Net Zero ด้วยโครงการปลูกป่าชายเลน – พัฒนาผลิตภัณฑ์กรีนครบวงจร ล่าสุด เตรียมขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิตผ่านโครงการ T-VER ย้ำความท้าทายที่ยากมากคือ Net Zero เดินหน้าเร่งขับเคลื่อนความยั่งยืนทุกมิติ ตอกย้ำบทบาทผู้นำ Green Innovation ในวงการก่อสร้างไทย
ท่ามกลางกระแสร้อนแรงของวิกฤตสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรมก่อสร้างซึ่งเป็นหนึ่งในภาคธุรกิจที่ปล่อยคาร์บอนสูง ยิ่งต้องปรับตัวและเปลี่ยนผ่านสู่แนวทางที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด คือหนึ่งในองค์กรไทยที่ไม่เพียงแต่ตื่นตัว แต่ลงมือทำจริง ทั้งในเชิงผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และการฟื้นฟูธรรมชาติ ด้วยวิสัยทัศน์ระยะยาวเพื่อบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality ภายในปี 2050 และ Net Zero ภายในปี 2065 ภายใต้การนำของ “ศุภพงษ์ เพชรสุทธิ์” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด

กรีนมาตั้งแต่ “ยังไม่ฮิต” เพราะเห็นโอกาสใน Green Building
กว่า 7-10 ปีที่ผ่านมา จระเข้เริ่มต้นพัฒนา “Green Product” อย่างจริงจัง แม้ในช่วงเวลานั้นกระแสรักษ์โลกจะยังไม่ชัดเจน แต่บริษัทมองเห็นโอกาสของตลาดอสังหาริมทรัพย์สีเขียว (Green Building) และความเปลี่ยนแปลงด้านกฎหมาย รวมถึงความต้องการของผู้บริโภคที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
จึงได้ลงทุนวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้งานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมส่งสินค้าไปทดสอบในยุโรปภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของนวัตกรรมก่อสร้างรักษ์โลกที่มีความหลากหลายทั้งในกลุ่ม

“ผมลงทุนมหาศาลกับการส่งโปรดักส์ไปเทสต์ที่ยุโรป ตัวหนึ่งประมาณ 3 แสนบาท ซึ่งตอนนี้ จระเข้มีโปรดักส์ที่เป็นแล้ว 63 รายการ ทำรายได้ให้กับจระเข้ปีละกว่า 63% ของรายได้รวมทั้งหมด”

ซีอีโอคนนี้ พยายามพัฒนาผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างที่เป็นกรีนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดอย่าง “จระเข้ คิ้ว GREEN” ที่ใช้วัสดุ GPVC ไร้สารตะกั่วและโลหะหนัก และจะยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ต้องใช้ทั้งนวัตกรรมและการผสมผสานแนวคิดที่ช่วยลดการใช้พลังงาน ลดต้นททุน ทุ่นแรงงาน ยืดอายุการใช้งานวัสดุให้เพิ่มมากขึ้น ลดขั้นตอนการทำงานลง บางอย่างต้องใช้ นวัตกรรม เทคโนโลยี บางอย่างใช้การพัฒนาคน พัฒนาความคิด และฝีมือ ทำทุกอย่างที่สามารถลดคารืบอนฟุตพริ้นให้ได้มากที่สุด

ปรับกระบวนการให้กรีนทุกจุด: จากพลังงานสะอาดสู่ Zero Waste
ในแง่กระบวนการผลิต จระเข้เร่งลดคาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งโซล่ารูฟ 3 แห่งในส่วนของอาคารและโรงงาน ทำให้ปัจจุบันจระเข้มีสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาดอยู่ที่ 30% ของการใช้พลังงานทั้งหมด นอกจากนี้ ยังเปลี่ยนมาใช้รถฟอร์คลิฟต์ไฟฟ้า เพื่อลดคาร์บอนจากโลจิสติกส์ รวมไปถึงการคัดเลือกวัตถุดิบคาร์บอนต่ำ เช่น ปูนซีเมนต์สูตรลดคาร์บอน และพัฒนาแพ็คเกจจิ้งรีไซเคิล
นอกจากนี้ ยังจัดการขยะในองค์กรอย่างครบวงจร และขยายความรู้สู่ชุมชนผ่านกิจกรรม upcycling เช่น ทำถังขยะจากขยะรีไซเคิล
แม้จะมีความท้าทาย โดยเฉพาะในส่วนของการลดคาร์บอน Scope 3 ที่เกี่ยวข้องกับซัพพลายเชนภายนอกองค์กร จระเข้ก็เดินหน้าทำทุกอย่างที่ทำได้ โดยวางแผนควบคุมและพัฒนาความร่วมมือกับคู่ค้าในระยะยาว

จากแนวคิดสู่การลงมือจริง: ปลูกป่า ฟื้นฟูธรรมชาติ สร้างคาร์บอนเครดิต
หนึ่งในโครงการเด่นที่สร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงระบบคือ “Jorakay Green Earth” ที่ดำเนินมาต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยจระเข้ได้ฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลนกว่า 62.5 ไร่ ในจังหวัดตรัง ภายใต้แผนดูแลต่อเนื่อง 10 ปี พร้อมเตรียมขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิตผ่านโครงการ T-VER ขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO)

เป้าหมายของโครงการนี้ไม่ใช่แค่การปลูกต้นไม้ แต่คือการวัดผลอย่างเป็นระบบ และสร้างคาร์บอนเครดิตที่สามารถนำมาใช้ชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรได้จริง โดยคาดว่าในระยะเวลา 10 ปี จะสามารถชดเชยได้มากกว่า 1,200 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งนับเป็นหมุดหมายสำคัญบนเส้นทางสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน
“เราไม่ได้แค่ปลูกต้นไม้ แต่ปลูกความเปลี่ยนแปลง เราเชื่อว่าการดูแลธรรมชาติควรเป็นส่วนหนึ่งของระบบธุรกิจ ไม่ใช่แค่ CSR ที่จบในวันเดียว”

Green Innovation ที่ตอบโจทย์จริงในภาคสนาม
หนึ่งในหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจกรีนคือ “การใช้งานได้จริงในไซต์ก่อสร้าง” จระเข้จึงให้ความสำคัญกับการอบรมช่างและผู้รับเหมา รวมถึงพัฒนาเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดเวลา ลดของเสีย และเพิ่มคุณภาพ เช่น
- นวัตกรรมวัสดุซ่อมผิวถนนที่ลดการใช้งานและการทิ้งซีเมนต์
- ผลิตภัณฑ์อายุการใช้งานยาวขึ้น
- การรีดีไซน์วิธีการทำงานให้เร็วขึ้นและปลอดภัยขึ้น
สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนให้กับลูกค้า ซึ่งตอบโจทย์ตลาดยุคใหม่ที่ต้องการ “ทางออกที่ยั่งยืน”

“แบรนด์ที่คนไทยรู้จัก – และไว้วางใจได้ในเรื่องสิ่งแวดล้อม”
วันนี้ “จระเข้” ไม่ได้เป็นแค่แบรนด์กาวยาแนวอีกต่อไป แต่คือผู้บุกเบิกวัสดุก่อสร้างรักษ์โลกของไทย ที่กำลังขยายพอร์ตสินค้าไปยังกลุ่มสีปลอดภัย เคมีภัณฑ์ กันซึม และการขยายตลาดสู่ CLMV อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะเวียดนามและเมียนมาที่มีศักยภาพสูง
“เราวางเป้าหมายให้แบรนด์จระเข้เป็นที่จดจำในฐานะผู้นำ Green Building ของไทย และเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยให้เติบโตอย่างสมดุลกับสิ่งแวดล้อม”

สร้าง “อิมแพกต์ที่ยั่งยืน” ด้วยธุรกิจที่ทำจริง วัดผลได้ และส่งต่อได้
เส้นทางสู่ Net Zero อาจไม่ง่าย แต่จระเข้เชื่อว่า “ทุกก้าวที่ลงมือทำ ย่อมเปลี่ยนโลกได้” ไม่ว่าจะเป็นการปลูกป่าชายเลน วัดผลคาร์บอน การออกแบบผลิตภัณฑ์รักษ์โลก หรือการเปลี่ยนพฤติกรรมในวงการก่อสร้าง
“เราเริ่มต้นก่อน เพราะเราเชื่อว่าความยั่งยืนไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่มันคืออนาคตของธุรกิจ และอนาคตของโลก”
