
จากสนามแข่งสู่การเปลี่ยนโลก ยานยนต์ไฟฟ้าของนิสสันไม่ได้หยุดแค่ความเร็ว แต่ขับเคลื่อนความยั่งยืนเพื่อสังคม นิสสันเดินหน้าปลดล็อกศักยภาพยานยนต์ไฟฟ้า ผ่านเวที Formula E คว้าชัยในสนาม พร้อมสานภารกิจสร้างโลกที่สะอาด ปลอดมลพิษ และขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมที่ยั่งยืน
นิสสันตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า (EV) บนเวทีโลก ผ่านความสำเร็จของทีม Nissan Formula E ที่รั้งตำแหน่งอันดับ 1 ทั้งประเภททีม นักแข่ง และผู้ผลิต ในการแข่งขัน ABB FIA Formula E World Championship ฤดูกาล 2024/2025 การคว้าชัยชนะถึง 4 สนาม และขึ้นโพเดียมครบทุกสนาม คือเครื่องพิสูจน์ว่านวัตกรรม EV ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่คือพลังที่เปลี่ยนโลกได้จริง

สนามแข่ง = ห้องทดลองแห่งอนาคตของ EV
การแข่งขัน Formula E คือเวทีทดสอบความสามารถของรถยนต์ไฟฟ้าในสภาวะสุดขีด Nissan ใช้สนามแข่งนี้ในการพัฒนา:
- ระบบจัดการพลังงานขั้นสูง
- เทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้าความแม่นยำสูง
- ระบบฟื้นฟูพลังงานขณะเบรก (regenerative braking)
ข้อมูลกว่า 16,000 ล้านกิโลเมตร จากผู้ใช้ Nissan LEAF ทั่วโลก ถูกรวมกับข้อมูล real-time จากสนามแข่ง เพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่สู่รถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นถัดไปของนิสสัน

นวัตกรรมเพื่อโลกและผู้คน ไม่ใช่แค่ความเร็วในสนาม
เบื้องหลังความแรงในสนามคือความมุ่งมั่นของนิสสันในการพัฒนา เทคโนโลยีเพื่อสังคม:
- ระบบ e-4ORCE 05 ที่ปรับสมดุลแรงบิดเพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัย
- การตั้งเป้าเปิดตัว EV และรถ e-POWER กว่า 20 รุ่นภายในปี 2569
- การพัฒนาแบตเตอรี่แบบ All-Solid State (ASSB) ที่ปลอดภัยกว่า ชาร์จเร็วขึ้น และเหมาะกับผู้ใช้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย

Formula E: ตัวเร่งของวิสัยทัศน์ “Nissan Ambition 2030”
นิสสันมอง Formula E ใช้เวทีแข่ง เป็นตัวเร่งระบบนิเวศยานยนต์แห่งอนาคต เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่นิสสันใช้ในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ Ambition 2030 ตั้งแต่ห้องวิจัย สายการผลิต ไปจนถึงท้องถนน โดยมีเป้าหมายร่วมสร้างโลกที่:
- ปลอดมลพิษ
- ปลอดอุบัติเหตุ
- ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด
ที่สำคัญ นิสสันได้ใช้สนามแข่ง เป็นห้องทดลองวิจัยและพัฒนาโซลูชันที่สามารถต่อยอดสู่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ โดยตั้งเป้าเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า และ e-POWER ทั่วโลกรวมกว่า 20 รุ่นภายในปีงบประมาณ 2569 และตั้งยอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั่วโลกราว 50% ภายในปี 2573
นอกจากนี้ ยังพัฒนาเทคโนโลยี แบตเตอรี่แบบ All-Solid State (ASSB) ซึ่งจะเริ่มนำมาใช้จริงภายในปีงบประมาณ 2571
Nissan Dare to Do: กล้าที่จะแตกต่าง เพื่อโลกที่ดีกว่า
ด้วยจิตวิญญาณ “Dare to do what others don’t” นิสสันพิสูจน์ว่า รถยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่แค่เทคโนโลยีใหม่ แต่คือคำตอบของความยั่งยืนในชีวิตประจำวัน
