“สุริยุปราคา” นับจากวันที่ 21 มิถุนายน 2563 ซึ่งประเทศไทยเห็นบางส่วน ไปพบกันอีกครั้ง อีก 7 ปี
ดร. ศรัณย์ โปษยะจินดา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เปิดเผยว่า ในวันที่ 21 มิถุนายน 2563 จะเกิดปรากฏการณ์ “สุริยุปราคาวงแหวน” แนวคราสวงแหวนพาดผ่านสาธารณรัฐอัฟริกากลาง คองโก เอธิโอเปีย ตอนใต้ของปากีสถาน ตอนเหนือของอินเดีย และสาธารณรัฐประชาชนจีน
ส่วนประเทศไทยจะเห็นเป็น “สุริยุปราคาบางส่วน” ดวงจันทร์บดบังดวงอาทิตย์เพียงบางส่วน ทำให้มองเห็นดวงอาทิตย์เว้าแหว่ง สามารถสังเกตได้ทุกภูมิภาคของไทย แต่ละภูมิภาคจะมองเห็นดวงอาทิตย์เว้าแหว่งมากน้อยแตกต่างกัน สามารถสังเกตได้ในช่วงเวลาประมาณ 13:00 – 16:10 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยดวงอาทิตย์ถูกบดบังมากที่สุด เวลาประมาณ 14:49 น และคนไทยจะได้ดูพร้อมกันทั่วประเทศแบบนี้อีกครั้ง ในอีก 7 ปีข้างหน้า
ปรากฏการณ์ “สุริยุปราคา” เกิดจากดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก โคจรมาอยู่ในแนวเดียวกัน มีดวงจันทร์อยู่ตรงกลาง เมื่อสังเกตจากโลกจะเห็นดวงจันทร์เคลื่อนที่เข้ามาบดบังดวงอาทิตย์ เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สามารถอธิบายได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ นักดาราศาสตร์สามารถคำนวณการเกิดล่วงหน้าได้หลายพันปีดวงอาทิตย์มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางยาวกว่าดวงจันทร์ 400 เท่า แต่อยู่ห่างจากโลกมากกว่าดวงจันทร์ 400 เท่า เราจึงมองเห็นดวงอาทิตย์และดวงจันทร์มีขนาดปรากฎเท่ากันพอดี สุริยุปราคา หรือ สุริยคราส เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากดวงจันทร์โคจรผ่านหน้าดวงอาทิตย์ จึงมองเห็นดวงอาทิตย์ค่อยๆ แหว่งมากขึ้นจนกระทั่งมืดมิดหมดดวงและโผล่กลับมาอีกครั้ง
สุริยุปราคา จะเกิดเมื่อเมื่อดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก โคจรมาอยู่ในแนวเดียวกัน อาจส่งผลกระทบเล็กน้อยต่อโลก ซึ่งเป็นผลมาจากแรงโน้มถ่วงที่ดวงจันทร์กระทำต่อโลก หรือแรงไทดัล จะทำให้เกิดน้ำขึ้น น้ำลง มากกว่าปกติ แต่จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์
นักดาราศาสตร์สามารถคำนวณการเกิดสุริยุปราคา จันทรุปราคา ได้ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และจะคำนวณได้แม่นยำมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นระดับวินาที (อ้างอิง http://eclipsewise.com) เป็นข้อเท็จจริงที่เชื่อถือได้ และอธิบายได้ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ และยังมีปรากฎการณ์ธรรมชาติทางดาราศาสตร์อีกหลายอย่างที่น่าสนใจ อาทิ ดาวเคียงเดือน ดาวเคราะห์ชุมนุม และอื่นๆ