One Suntory เดินหน้าปลูกฝังเยาวชนไทยรักษ์น้ำ ปีที่ 2 รวมพลัง ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค – ซันโทรี่ เบเวอเรจแนด์ฟู้ด สู่ “วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ” สร้างอิมแพ็ก ขยายผลสู่เด็กไทยทั่วประเทศ
“วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ” ปีที่ 2 เดินหน้าต่อยอดภารกิจสร้างความรู้ ความเข้าใจเรื่อง “น้ำ” ให้เยาวชนไทย ด้วยการรวมพลังของสองบริษัทในกลุ่มซันโทรี่ ได้แก่ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย และ ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) ซึ่งในปี 2024 นี้ถือเป็นปีแรกที่ทั้งสองบริษัทผนึกกำลังกันอย่างเป็นทางการ เพื่อขยายผลโครงการให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นหลังจากเคยดำเนินงานแยกกันมาตลอด 5 ปี
สองแนวทางรวมพลัง – “ห้องเรียนธรรมชาติ” และ “สกูลโมเดล”
โอเมอร์ มาลิค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประเทศไทยและอินโดไชน่า บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โครงการ “มิซุอิกุ” ในประเทศไทย เดิมทีเป็นการแบ่งกันทำ โดย ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด เน้นการเรียนรู้ผ่าน “ห้องเรียนธรรมชาติ” โดยร่วมมือกับศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (EEC) ตั้งแต่ปี 2021 เน้นการให้เด็กๆ ลงมือสำรวจต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ

ทานุจ ชาดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ส่วน ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เริ่มโครงการในปี 2019 ด้วยโมเดล “Mizuiku School Model” ที่เปิดโอกาสให้โรงเรียนพัฒนาโครงการด้านน้ำของตนเอง และส่งต่อองค์ความรู้สู่โรงเรียนเครือข่าย สร้าง “โรงเรียนต้นน้ำมิซุอิกุ” ให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ในชุมชน
หลังจากนั้นในปี 2024 ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค และ ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ผนึกกำลังกันเป็น “วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ” นำศักยภาพและความโดดเด่นที่ทั้ง 2 บริษัทดำเนินการมา ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ผ่าน “ห้องเรียนธรรมชาติ” หรือ “Mizuiku School Model” ผนึกรวมเข้าด้วยกัน โดยร่วมมือกับศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (EEC) ของ อเล็กซานเดอร์ เรนเดลล์ จัดค่ายการเรียนรู้ให้กับเด็กๆ อายุระหว่าง 10-12 ปี ที่ได้รับการคัดเลือกจากศึกษาธิการจังหวัดที่ซันโทรี่เข้าไปทำกิจกรรม เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ซึ่งปีนี้เป็น 30 โรงเรียนในจังหวัดชลบุรี

“ในการทำกิจกรรมของเด็กๆ มีการจัดทำ Pre-test และ Post-test เพื่อวัดพัฒนาการความรู้ในช่วงเวลา 3 วัน 2 คืน ซึ่งได้ผลความรู้ความเข้าใจที่เพิ่มขึ้น หลังผ่านการอบรมแล้ว” โอเมอร์ กล่าว
“การรวมพลังในปี 2024 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และขยายผลโครงการไปยังจังหวัดที่มี โรงงานผลิตและแหล่งน้ำธรรมชาติของบริษัทตั้งอยู่ เพื่อสร้างการเรียนรู้เชิงพื้นที่อย่างยั่งยืน”

สร้างชุมชนรักษ์น้ำ – จากโรงเรียนสู่ครอบครัวและชุมชน
ในปีนี้ โครงการได้ขยายผลจาก 30 โรงเรียนใน 2 จังหวัด (ชลบุรีและระยอง) เป็นจำนวน โรงเรียนที่เข้าร่วมเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว มีจำนวนหนักเรียนรวมกว่า 500 คน เข้าร่วมกิจกรรมเรียนรู้เชิงปฏิบัติการ 3 วัน 2 คืน ณ จังหวัดชลบุรี ระหว่างวันที่ 9–11 มิถุนายน 2568 โดยมุ่งเน้นโรงเรียนขนาดกลางที่ได้รับการคัดเลือกโดยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา โฟกัสที่การเรียนรู้วัฏจักรน้ำ การอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ และส่งต่อแนวคิดสู่ครอบครัวและชุมชนผ่านการจัดตั้ง “Mizuiku Club” ในโรงเรียน

บางโรงเรียนเริ่มต้นจากศูนย์ แต่สามารถพัฒนาเป็นโรงเรียนต้นแบบ และยังมีบทบาทในการ ดูแลเรื่องน้ำในชุมชนโดยรอบทุกโรงเรียนที่เข้าร่วมจะได้รับงบสนับสนุน 10,000 บาท เพื่อนำไปดำเนินโครงการจริง โดยมีเกณฑ์พิจารณาที่เข้มข้น เช่น:
- การมีนโยบายด้านน้ำของโรงเรียน
- ความร่วมมือของทุกภาคส่วนในโรงเรียน
- ความสามารถในการขยายผลสู่ชุมชน
- ความเหมาะสมกับข้อจำกัดโครงสร้างพื้นฐาน

โจทย์ใหญ่ของเด็กๆ มี 2 ข้อ หลักๆ ซึ่งเด็กๆ สามารถทำเรื่องการอนุรักษ์น้ำ และการแก้ไขปัญหามลพิษทางน้ำ โดยจะต้องนำเสนอผลงานช่วงปลายเดือนกรกฎาคม หลังจากนั้นจะคัดเลือกเหลือ 10 โรงเรียน ซึ่งจะมีพี่ๆ คณะกรรมการลงพื้นที่ไปตรวจสอบโครงการ สุดท้ายจะคัดเหลือ จังหวัดละ 1 โรงเรียน ผ่านคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขา เพื่อเดินทางไปทัศนศึกษา และดูสถานที่และการอนุรักษ์น้ำต้นแบบที่ประเทศญี่ปุ่น
ค่ายนี้ออกแบบให้เยาวชนเข้าใจ วัฏจักรน้ำและบทบาทของแต่ละแหล่งน้ำ ผ่านกิจกรรมเรียนรู้แบบ Edutainment (Education + Entertainment) 4 ฐานความรู้ ได้แก่:

- ต้นน้ำ: เรียนรู้การชะลอน้ำและบทบาทของป่าต้นน้ำที่เขาเขียว-เขาชมภู่
- กลางน้ำ: สำรวจระบบนิเวศอ่างเก็บน้ำและพื้นที่ชุ่มน้ำ ที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขาเขียว
- ปลายน้ำ: ศึกษาการทำงานของป่าชายเลนในการกรองมลพิษ ที่ศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลนเพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
- ทะเล: เข้าใจผลกระทบของมนุษย์ต่อทะเล และความเปราะบางของระบบนิเวศทางทะเล
กิจกรรมทั้งหมดถูกออกแบบให้เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตในชุมชน พร้อมปลูกฝังแนวคิด “ไม่มีน้ำ ไม่มีเรา”
ไม่เพียงแค่ค่าย ภายในโรงเรียนยังมีการจัดตั้ง Mizuiku Club ซึ่งปัจจุบันมีอยู่กว่า 90 โรงเรียนทั่วประเทศ โดยเปิดพื้นที่ให้เด็กๆ ได้ออกแบบกิจกรรม “Mini Camp” ด้วยตนเอง พร้อมขยายผลสู่ชุมชนโดยรอบผ่านกิจกรรมของโรงเรียนและแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น LINE Group และ Facebook

จากญี่ปุ่นสู่โลก และจากเด็กไทยสู่อนาคต
โครงการมิซุอิกุเริ่มต้นที่ญี่ปุ่น โดยซันโทรี่มีโรงงานผลิตน้ำแร่ธรรมชาติที่ตั้งอยู่ติดกับป่าสมบูรณ์ และอยู่ใกล้กับโรงเรียน ซึ่งกลายเป็นศูนย์เรียนรู้เรื่องน้ำและป่าไม้ตามธรรมชาติ
เป้าหมายระดับโลกของซันโทรี่ คือการเข้าถึงเยาวชน มากกว่า 5 ล้านคนทั่วโลก โดยยึดค่านิยมองค์กร “Growing for Good” และ “Giving Back to Society” ปัจจุบันโครงการได้ขยายผลไปแล้วใน 9 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น เวียดนาม ไทย อินเดีย อินโดนีเซีย สเปน ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย โดยขณะนี้เข้าถึงเยาวชนแล้วกว่า 1 ล้านคนทั่วโลก
