แอป “ZERO CARBON” ยกระดับท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ดียังไง ไปดูกัน

admin
0 0

Sharing is caring!

Read Time:7 Minute, 27 Second

TGO นำเสนอแอป “ZERO CARBON” ยกระดับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวเอง ชดเชยคาร์บอนเองได้ตลอดทริป อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตั้งแต่เริ่มต้น

กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองทุน ววน.) โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) แผนงานการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ร่วมกับ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) (อพท.) สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) (TCEB) และบริษัท พิมส์ เทคโนโลจิส จำกัด ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวแอปพลิเคชัน “ZERO CARBON”

ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช ประธานอนุกรรมการแผนงานกลุ่มท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ บพข.และผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สกสว. (ในฐานะผู้แทน ผู้อำนวยการ สกสว. และ ผู้อำนวยการ บพข.) กล่าวว่า ภายใต้ “โครงการการขับเคลื่อนและผลักดันการใช้ประโยชน์จากงานวิจัย แผนงานการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ บพข. พัฒนาชุดแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ สำหรับผู้ประกอบการเพื่อใช้ในการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการชดเชยคาร์บอน จากกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมใหม่ เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนหรือคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์”

สกสว. ขับเคลื่อนแผนงานวิจัยด้านสิ่งแวดล้อม ภายใต้แผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) พ.ศ.2566 – 2570 พัฒนาและเร่งแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นการบริโภคอย่างยั่งยืน และการเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ โดยใช้วิทยาศาสตร์การวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยมีแผนงานที่เกี่ยวกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ใช้ผลงานวิจัย องค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมและการพัฒนานโยบายและต้นแบบเพื่อลดความเสี่ยง และผลกระทบที่เกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยใช้วิทยาศาสตร์ การวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรม 

“บพข. โดยการสนับสนุนงบประมาณจาก กองทุน ววน. มุ่งสนับสนุนการวิจัยเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยให้เติบโตไปในทิศทางเดียวกับแนวโน้มการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของโลกที่เน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน มีเป้าหมายความสำเร็จในกรอบ 5 ปี (ปี พ.ศ.2566 – 2570) มุ่งให้ประเทศไทยเป็น Carbon Neutral Tourism Destination ด้วยการสร้างนวัตกรรมหรือผลิตภัณฑ์ทางการท่องเที่ยวจากการท่องเที่ยวแบบปกติให้เป็นการท่องเที่ยวที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral Tourism) ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวคุณภาพ เกิดผลกระทบเชิงบวกทางต่อเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม เหมาะสมกับบริบทของภาคธุรกิจของไทย ผู้ประกอบการ และชุมชนท่องเที่ยวตลอดจนสร้างการมีส่วนร่วมให้ผู้ที่เกี่ยวข้องลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน 

พร้อมเร่งดำเนินการขยายเครือข่ายผู้ประกอบการท่องเที่ยวให้ครอบคลุม ชุมชน ธุรกิจขนส่ง/เดินทาง ธุรกิจที่พัก ธุรกิจนำเที่ยว ธุรกิจสินค้าที่ระลึก ธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงเกษตรอินทรีย์ ร้านอาหาร/เครื่องดื่ม ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ผู้ประกอบการทางทะเล กว่า 500 ราย 

ในขณะเดียวกันได้วางแผนการพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ที่มีเป้าหมายราว 1,500 เส้นทาง ภายในปี 2569 และวางแผน Net Zero Emission Route ในปี2569 – 2570 ราว 100 เส้นทาง โดยมี Carbon Neutral Tour Operator / Hotel กว่า 200 ราย รวมทั้งจะมีผู้ประกอบการ Tour Operator / Hotel ที่เป็น Net Zero เพิ่มเติม” ผศ.สุภาวดีกล่าว

เกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการ TGO กล่าวว่า การส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคการท่องเที่ยว มุ่งสู่คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ และ Net Zero เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากปัจจุบันปัญหาโลกร้อนเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือในการลดก๊าซเรือนกระจก เพื่อสร้างกลไกให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยมุ่งสู่ความยั่งยืน 

ทาง TGO จึงได้พัฒนาเครื่องมือคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์สำหรับกิจกรรมการท่องเที่ยวขึ้นเพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะบริษัทนำเที่ยวนำไปใช้คำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทราบแหล่ง และปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญของกิจกรรมท่องเที่ยวของตนถือเป็นประโยชน์อย่างมากที่ทาง บพข.ได้นำเครื่องมือ และองค์ความรู้ของ TGO พัฒนาสู่รูปแอปพลิเคชัน ที่ผู้ใช้งานสามารถคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ เลือกซื้อคาร์บอนเครดิต และได้รับใบประกาศเกียรติคุณเบ็ดเสร็จในแอปเดียว ผู้ใช้งานโดยเฉพาะบริษัทนำเที่ยวสามารถนำไปใช้ให้บริการกับนักท่องเที่ยวได้ นอกจากช่วยในการขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแล้วยังเป็นการสร้างโอกาสด้านการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในระดับสากล อีกด้วย 

ดร.ชูวิทย์ มิตรชอบ รองผู้อำนวยการ อพท. กล่าวว่า นอกเหนือจากภาพจำของคนภายนอกที่มองว่าเราทำงานกับชุมชนอย่างเดียว แต่ อพท.ยังคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมา อพท. มีการจัดกิจกรรมที่คำนึงถึง Low Carbon Tourism มาแล้ว แต่ในปัจจุบันพยายามมุ่งไปสู่ Net Zero Carbon ซึ่ง อพท. มีเครือข่ายชุมชนทั่วประเทศ มีการสร้างเกณฑ์มาตรฐานในการจัดชุมชนขึ้น เพื่อเป็นแนวทางในการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ 

ปีที่แล้วมีชุมชนที่ผ่านการคัดเลือก 2 ชุมชน คือ ชุมชนบางกอบัว จังหวัดสมุทรปราการ และชุมชนบางน้ำเชี่ยว จังหวัดตราด โดยได้วางแผนที่จะขยายไปยังตลาดท่องเที่ยวคุณภาพสูงเพื่อตอบโจทย์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนที่จะเป็นเทรนด์ใหม่ในอนาคต 

ภัทร์ ศาสตร์ขำ ผู้จัดการอาวุโส TCEB กล่าวว่า บทบาทของ TCEB ในการนำแอปพลิเคชั่น : Zero Carbon มาใช้ในอุตสาหกรรมไมซ์ สามารถดำเนินการพัฒนาต่อยอด แอป : Zero Carbon ต่อจากเครื่องมือคำนวณที่ได้พัฒนาร่วมกัน ให้ตอบสนองต่อการจัดงานประชุมสัมมนารและนิทรรศการ ซึ่งมีความแตกต่างจากการท่องเที่ยวอยู่หลายบริบท และจะส่งเสริมผลักดันให้ผู้ประกอบการไมซ์ นำเครื่องมือนี้ไปใช้ในวงกว้างมากขึ้น ในการส่งเสริมการจัดประชุมสัมมนา มักมีการท่องเที่ยวก่อนหรือหลังกิจกรรมประชุมสัมมนา ซึ่งผู้จัดงานมักมองหาสถานที่หรือบริการท่องเที่ยวอยู่แล้ว 

ดังนั้น เมื่อมีแหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และผู้ให้บริการท่องเที่ยวสามารถให้บริการแบบคาร์บอนต่ำหรือคาร์บอนเป็นกลางได้ ก็ถือเป็นการอำนวยความสะดวก และเปิดโอกาสทางธุรกิจการท่องเที่ยวไปด้วย อีกทั้งอุตสาหกรรมไมซ์สามารถนำข้อมูลและการวิจัยด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของ บพข.(กองทุน ววน.) มาต่อยอดในบริบทของไมซ์และพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ให้ลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมได้

วสุมน เนตรกิจเจริญ นายกสมาคม TEATA กล่าวว่า TEATA ในฐานะผู้นำผลลัพธ์จากงานวิจัย บพข.ที่น่าสนใจในหลายพื้นที่ มาต่อยอดเพื่อยกระดับให้เป็นกิจกรรม หรือ เส้นทางคาร์บอนต่ำ มุ่งสู่การเป็นท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ แอป : Zero Carbon จะทำให้การชดเชยคาร์บอนขยายไปสู่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้อย่างกว้างขวาง เนื่องจากเป็นแอปที่ผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุปทานรายเล็ก สามารถเข้าถึงคาร์บอนเครดิตได้อย่างสะดวก ง่ายและรวดเร็ว นอกจากนั้นนักท่องเที่ยวยังสามารถจัดหาคาร์บอนเครดิตมาชดเชยจนเหมือนไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ให้แก่การเดินทางท่องเที่ยวได้ด้วยตนเอง 

“จุดเริ่มต้นที่สำคัญ เราจะนำไปเชิญชวนส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสมาชิกขององค์กรเครือข่ายที่ได้มีการลงนาม MOU ร่วมกับ TEATA จำนวน 31 องค์กร ภายใต้งานวิจัยทุน บพข.ในปีนี้ ให้นำไปใช้ทำกิจกรรมประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์อย่างเร็ว และชดเชยคาร์บอนจนได้ใบประกาศเกียรติคุณจาก TGO ซึ่งจะทำให้มีฐานข้อมูลการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์จำนวนมากจากหลากหลายเส้นทางท่องเที่ยว และมากจำนวนครั้ง รวมถึงเรายังจะส่งเสริมพันธมิตร ชุมชน และผู้ประกอบการอื่นๆ ซึ่งเป็น Suppliers ด้านการท่องเที่ยว นอกเหนือจากการส่งเสริมองค์กร 31 องค์กร ให้รู้จักและใช้ แอป Zero Carbon มากขึ้นต่อเนื่อง” 

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

Leave a Reply

Next Post

ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์กระแสดี ดันงาน "FHT2023" เสริมศักยภาพธุรกิจโรงแรม-อาหาร-บริการโต

อุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟื้นตัว ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์คนตอบรับสูง เร่งรัฐส่งเสริม ด้านองค์กรธุรกิจท่องเที่ยว – อินฟอร์มา เปิดกลยุทธ์ดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทย พร้อมจัดงาน FHT2023 ฟู้ด แอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ ไทยแลนด์ 2023 เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการ ดันธุรกิจโรงแรม-อาหาร-บริการโต

You May Like