ซีพีเอฟ ปรับแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัย เข้มงวด ดูแลผู้สูงอายุ ในโครงการ“กองทุน ซีพีเอฟ คืนสุข ผู้สูงวัย “ ร่วมกับทีมแพทย์ รพ.สต. อสม. ตรวจสุขภาพและแนะนำการดูแลสุขภาพให้แก่ผู้สูงอายุ พร้อมมอบเงินช่วยหลือและของจำเป็นในชีวิตประจำวัน กำชับเจ้าหน้าที่ต้องสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างจากผู้สูงวัย
นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ในฐานะประธานคณะทำงานกองทุนซีพีเอฟ คืนสุข ผู้สูงวัย กล่าวว่า ในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ซีพีเอฟเพิ่มความเข้มงวดแนวปฏิบัติมาตรการด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยในกระบวนการผลิตตลอดห่วงโซ่อาหาร เพื่อส่งมอบอาหารปลอดภัยสู่ผู้บริโภค ควบคู่ไปกับการดำเนินโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม โดยปรับแนวปฎิบัติให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ซีพีเอฟ ตระหนักถึงความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้สูงวัยในสังคม ซึ่งกองทุนซีพีเอฟ คืนสุข ผู้สูงวัย ได้ให้ความช่วยเหลือผู้สูงวัยที่อาศัยอยู่รอบฟาร์มและโรงงานของซีพีเอฟทั่วประเทศ และไม่สามารถพึ่งตนเองได้ ดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2554
ในทุกๆ เดือนจะมีเจ้าหน้าที่ของซีพีเอฟออกเยี่ยมเยียนผู้สูงวัย เพื่อนำเงินช่วยเหลือในการดำรงชีพและสิ่งของอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เช่น ข้าวสาร น้ำดื่ม ไข่ไก่ ไปมอบให้แก่ผู้สูงวัย ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด เจ้าหน้าที่ที่จะส่งมอบเงินช่วยเหลือและสิ่งของให้แก่ผู้สูงวัย ต้องปฎิบัติตามแนวทางของบริษัทฯ คือ หน้ากากอนามัย ถุงมือ และพกเจลล้างมือไปด้วยทุกครั้ง เว้นระยะห่างจากผู้สูงวัยอย่างน้อย 2 เมตรในการสื่อสาร การส่งมอบเงินช่วยเหลือเพื่อดำรงชีพและสิ่งของ ให้วางในจุดที่เหมาะสมของที่พักผู้สูงวัย
ในการลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมเยียนผู้สูงวัย ซีพีเอฟร่วมกับทีมแพทย์ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
“ในช่วงเทศกาลปีใหม่ไทยหรือสงกรานต์ของทุกปี จิตอาสาซีพีเอฟจะใช้โอกาสนี้ ขอพรจากผู้สูงอายุเพื่อความเป็นสิริมงคล สำหรับปีนี้ จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ซีพีเอฟจึงขอส่งมอบความห่วงใยไปยังผู้สูงวัยทุกท่าน ขอให้มีความปลอดภัยและมีสุขภาพที่แข็งแรง” นายวุฒิชัยกล่าว
ปัจจุบัน “โครงการกองทุน ซีพีเอฟ คืนสุข ผู้สูงวัย” ให้ความช่วยเหลือผู้สูงวัยที่ถูกทอดทิ้งตามลำพัง ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพรวม 833 ราย โดยมอบเงินช่วยเหลือเพื่อดำรงชีพทุกๆเดือน เดือนละ 2,000 บาท และเป็นการให้ความช่วยเหลือจนกว่าผู้สูงวัยจะถึงแก่กรรม โดยในปี 2563 มีผู้สูงวัยที่เข้าร่วมโครงการฯอยู่ที่ 388 ราย