ย้ำ! ‘ชิมช้อปใช้’ ตรวจสอบข้อมูล ก่อนยืนยัน

admin
0 0

Sharing is caring!

Read Time:5 Minute, 36 Second

มาตรการ “ชิมช้อปใช้” ลงทะเบียนในช่วง 5 วันแรกเป็นไปตามเป้า จากการลงทะเบียนวันที่ 2 มีผู้รับสิทธิ์ 775,232 ราย จากโควตา 1 ล้านราย ขอให้ตรวจสอบข้อมูลที่ลงทะเบียนก่อนกดยืนยัน หากลงผิด ลงใหม่ได้

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยความสำเร็จการเปิดลงทะเบียนรับสิทธิ์มาตรการ “ชิมช้อปใช้” ในช่วง 5 วันแรก มีผู้สนใจเข้าร่วมเต็มตามโควตา 1 ล้านราย ในแต่ละวันแล้ว

โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวว่า สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2562 ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของการเปิดรับลงทะเบียนและมีโควตาประจำวัน 1 ล้านรายนั้น มีผู้ผ่านเกณฑ์ 775,232 ราย โดยผู้ได้รับสิทธิ์จะทยอยได้รับ SMS ยืนยันภายในวันนี้ และสามารถเดินทางท่องเที่ยวพร้อมเริ่มจับจ่ายใช้สอยได้ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายนถึงวันที่ 11 ตุลาคม 2562 โดยเมื่อเริ่มใช้สิทธิ์ครั้งแรกแล้ว สามารถใช้สิทธิ์ต่อเนื่องได้จนสิ้นสุดโครงการในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2562

หากพิจารณาในรายละเอียดพบว่า ผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์จากการลงทะเบียนในวันที่ 2 โดยส่วนใหญ่จำนวนกว่า 87,000 ราย มีสาเหตุจากการยืนยันตัวตนหรือการกรอก OTP เกินกว่าระยะเวลาที่กำหนด 3 นาที อีกส่วนหนึ่งจำนวนกว่า 67,000 ราย มีข้อมูลไม่ตรงกับฐานข้อมูลของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย

ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากการกรอกข้อมูลผิดพลาด เช่น การใส่คำนำหน้าชื่อ ไม่ว่าจะเป็น นาย นาง หรือนางสาวลงในช่องที่จะต้องกรอกชื่อ ซึ่งในความจริงแล้วไม่ต้องกรอกคำนำหน้าชื่อ หรือความสับสนระหว่างหมายเลขศูนย์กับตัวอักษร O (โอ) ในส่วนของรหัสที่อยู่ด้านหลังบัตรประชาชน เป็นต้น และอีกจำนวนกว่า 70,000 ราย ไม่ผ่านเกณฑ์เนื่องจากเลือกจังหวัดที่ต้องการไปใช้สิทธิ์ตรงกับจังหวัดที่เป็นทะเบียนบ้านของตน

โฆษกกระทรวงการคลังจึงได้เน้นย้ำว่า ขอให้ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการ “ชิมช้อปใช้” โปรดกรอกข้อมูลในระหว่างลงทะเบียนด้วยความรอบคอบและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อนยืนยัน อย่างไรก็ดี สำหรับประชาชนที่ลงทะเบียนไม่สำเร็จ สามารถลงทะเบียนใหม่ได้จนกว่าจะมีผู้รับสิทธิ์ครบ 10 ล้านคน

นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า ตามที่กระทรวงการคลังได้มีมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ “ชิมช้อปใช้” ซึ่งได้เปิดรับสมัครผู้ประกอบการ ร้านค้า เข้าร่วมมาตรการฯ ตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค. 62 ซกระทรวงการคลังได้ตั้งเป้าหมายผู้ประกอบการร้านค้าเข้าร่วมมาตรการฯ ประมาณ 40,000 ราย ประกอบด้วย ร้านอาหารที่มีเลขทะเบียนพาณิชย์ ประมาณ 14,000 ราย รวมถึงร้านอาหารขนาดเล็กในพื้นที่อีก 10,000 ราย ร้าน OTOP/วิสาหกิจชุมชน/ ประมาณ 6,000 ราย โรงแรมและโฮมสเตย์ ประมาณ 10,000 ราย

หลังจากที่กรมบัญชีกลางได้ปรับกลยุทธ์เชิงรุกร่วมกับธนาคารกรุงไทย ทำให้มีผู้ประกอบการกลุ่มเป้าหมายและร้านค้าทั่วไปสนใจสมัครเข้าร่วมมากขึ้น โดยขณะนี้มีผู้ประกอบการร้านค้าทั่วประเทศสมัครเข้าร่วมมาตรการฯแล้ว 55,579 ราย เป็นร้านประเภทชิม 26,321 ร้านค้า ประเภทช้อป 26,576 ร้านค้า และประเภทใช้ 2,682 ร้านค้า ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่เพิ่มขึ้น และเมื่อรวมกับร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่มี App ถุงเงินเดิมอยู่แล้วกว่า 50,000 ร้านค้า โดย ธ.กรุงไทยได้อัพเดท App ถุงเงินเวอร์ชั่นใหม่ให้อัตโนมัติ และร้านค้าประชารัฐที่ติดตั้งเครื่อง EDC กว่า 30,000 รานค้า ธนาคารกรุงไทยได้อัพเดทข้อมูลให้สามารถดาวน์โหลด App ถุงเงินได้ทันที ทำให้ยอดรวมร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรการฯ ในตอนนี้มีจำนวนกว่า 135,000 ราย ซึ่งมีความหลากหลายและเพียงพอต่อการจับจ่ายซื้อสินค้าและบริการของประชาชนจำนวน 10 ล้านคนที่จะมาลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการฯ ในวันที่ 23 ก.ย.62 อย่างแน่นอน

“ขอเชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้าที่อยู่ระหว่างตัดสินใจ สามารถสมัครเข้าร่วมมาตรการฯ ได้ถึงวันที่ 20 ก.ย. 62 โดยกทม.สมัครได้ที่กรมบัญชีกลางและสถานที่ที่ ธ.กรุงไทย กำหนด ต่างจังหวัดสมัครได้ที่สำนักงานคลังจังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศ ส่วนประชาชนทั่วไปที่สนใจ สามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิผ่านเว็บไซต์ www.ชิมช้อปใช้.com ระหว่างวันที่ 23 กันยายน – 15 พฤศจิกายน 2562 รับจำนวน 10 ล้านรายแรกที่ลงทะเบียนภายในระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น โดยผู้ที่จะลงทะเบียนรับสิทธิต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ 1. เป็นคนไทย ที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน 2. มีบัตรประจำตัวประชาชน 3. มี Smart Phone /เครือข่าย Internet 4. มี e-mail โดยในขั้นตอนการสมัครจะต้องระบุจังหวัดที่จะไปท่องเที่ยวจำนวน 1 จังหวัด และไม่ใช่จังหวัดตามสำเนาทะเบียนบ้านของตนเอง ซึ่งในวันที่ลงทะเบียนสามารถเข้าไปดูจำนวนร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรการฯ ในแต่ละจังหวัดเพื่อช่วยในการตัดสินใจ และจะได้รับ SMS แจ้งยืนยันการได้รับสิทธิภายใน 3 วันหลังจากลงทะเบียน ซึ่งช่วงระยะเวลาการไปใช้สิทธิ คือภายใน 14 วัน หลังจากได้รับ SMS จากนั้นดาวน์โหลด App เป๋าตัง ก็จะได้รับสิทธิและวงเงินใน App เป๋าตังทันที” อธิบดีกรมบัญชีกลางกล่าว

วงเงินใน App เป๋าตัง ที่ผู้มีสิทธิได้รับนั้น จะมี 2 ช่อง คือ เป๋าตัง ช่อง 1 (g-wallet 1) ได้รับสิทธิวงเงิน 1,000 บาท เพื่อใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการในจังหวัดที่เลือกไว้ และเป๋าตัง ช่อง 2 (g-wallet 2) สามารถเติมเงินของตนเองใน App ได้ เพื่อใช้จ่ายเป็นค่าอาหารและเครื่องดื่ม ค่าที่พัก หรือค่าซื้อสินค้าท้องถิ่น จากผู้ประกอบการ ร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรการฯ ตั้งแต่วันที่ได้รับสิทธิจนถึงสิ้นสุดโครงการในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 ในทุกจังหวัด ยกเว้นจังหวัดตามทะเบียนบ้าน

การใช้จ่ายจากเป๋าตัง ช่อง 2 รัฐบาลจะจ่ายเงินคืนให้ (Cash Back) ร้อยละ 15 ของยอดชำระเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 4,500 บาทต่อคน (หรือวงเงินใช้จ่ายไม่เกิน 30,000 บาท) ซึ่งจะจ่ายคืนเงินให้หลังสิ้นสุดโครงการในเดือนธันวาคม 2562 ทั้งนี้ผู้ที่จะลงทะเบียนใช้สิทธิสามารถตรวจสอบและค้นหาตำแหน่งพิกัดของสถานประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรฯ ที่ได้ปักหมุดไว้ทั่วประเทศได้ทาง App เป๋าตัง และ เว็บไซต์ www.ktb.co.th ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ call center กรมบัญชีกลาง 02-270-6400 กด 7 และติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ชิมช้อปใช้ ได้ทางเว็บไซต์กรมบัญชีกลาง www.cgd.go.th YouTube และ Facebook กรมบัญชีกลาง

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

Leave a Reply

Next Post

แอปฯ เป๋าตัง ใช้งานไม่ได้ 30 ก.ย.นี้ 02.00-05.00 น.

ธนาคาร กรุงไทย รายงานว่า ธนาคารจะทำการพัฒนาระบบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ ซึ่งจะส่งผลให้แอปฯ เป๋าตังไม่สามารถใช้งานได้ ในวันที่ 30 ก.ย. 2562 เวลา 02.00-05.00 น.

You May Like