ARV นำ “ฮอรัส-โลจิสติกส์โดรน” โดรนสุดล้ำแบบเทคฯ ออฟเดอะทาวน์ โชว์ตัว เผยการใช้งานอัจฉริยะควบคู่ AIS 5G เสริมประสิทธิภาพการทำงานภาคอุตสาหกรรมการผลิต อสังหา ค้าปลีก โลจิสติกสส์ ในงาน “AIS Business Digital Future 2024 – DIGITAL INDUSTRY EVOLUTION”
ปฏิญญา อมรรัตนานนท์ หัวหน้ากลุ่มงานเทคโนโลยี เออาร์วี (ARV) หรือ บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด ผู้นำด้านการพัฒนาและให้บริการเทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ของไทย นำ “ฮอรัส-โลจิสติกส์โดรน” โชว์โซลูชันและนวัตกรรมเทคโนโลยีสุดล้ำ ในงาน “AIS Business Digital Future 2024 – DIGITAL INDUSTRY EVOLUTION” ที่นำเสนอเทคโนโลยีดิจิทัลขับเคลื่อนประเทศไทยครั้งใหญ่ โดยมีผู้บริหารระดับแถวหน้าทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจาก 3 บิ๊กอุตสาหกรรมเข้าร่วม ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต (Smart Manufacturing) กลุ่มธุรกิจผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีก (Smart Property & Retails) และกลุ่มธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ (Smart Transportation & Logistics) ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญในการผลักดัน GDP เศรษฐกิจดิจิทัลไทยให้เติบโต
![](https://www.thenicebrand.com/wp-content/uploads/2023/12/1.-คุณปฏิญญา-อมรรัตนานนท์-หัวหน้ากลุ่มงานเทคโนโลยี-840x560.jpg)
งานนี้ ปฏิญญา ได้แชร์ประสบการณ์การร่วมมือกับ AIS 5G ในการส่งอากาศยานไร้คนขับ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำหรับอุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ ช่วยลดต้นทุนในการขนส่ง รวมถึงการบริหารจัดการคลังสินค้าให้มีประสิทธิภาพ ภายใต้หัวข้อพิเศษ “Leveraging Cross-Industry Collaboration and Ecosystem Partners to Drive Business Growth and Sustainability”
ประเด็นไฮไลต์ที่น่าสนใจของ “ฮอรัส-โลจิสติกส์โดรน” คือ การร่วมมือแบบ Cross Industry Collaboration ระหว่าง ARV – AIS โดยการผสมผสานความเชี่ยวชาญของ ARV ผู้นำด้านเทคโนโลยี AI และหุ่นยนต์กับ AIS เครือข่ายมือถืออันดับ 1 ที่มีสัญญาณ 5G เร็วที่สุดในไทย เพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อเทคโนโลยีที่ทันสมัย “ฮอรัส” (HORRUS) ซึ่งปกติจะทำงานอยู่บนคลื่นความถี่ 2.4GHz ที่เป็นคลื่นวิทยุ และสามารถปฏิบัติการบินในระยะพิสัยได้แค่ 6 กิโลเมตร แต่เมื่อได้ทำการทดสอบร่วมกับเครือข่าย AIS 5G ปรากฏว่าฮอรัส สามารถปลดล็อกข้อจำกัดบินไปได้ไกลกว่า 6 กิโลเมตร และด้วยเครือข่ายสัญญาณ 5G ทำให้โดรนฮอรัสเคลื่อนที่ไปยังจุดต่างๆ ได้กว้างมากขึ้น ไปได้ทุกที่ที่สัญญาณ 5G เข้าถึง
![](https://www.thenicebrand.com/wp-content/uploads/2023/12/4.-สุดยอดฝีมือคนไทย-ปลดล็อกโดรนฮอรัส-HORRUS-840x473.jpg)
“ฮอรัส” ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ช่วยกรมทางหลวงวิเคราะห์ข้อมูลสภาพจราจร แจ้งอุบัติเหตุได้แบบเรียลไทม์ จากการปลดล็อกข้อปฏิบัติการบินด้วยเครือข่ายสัญญาณ 5G ของ “ฮอรัส” ซึ่งเป็นผลงานโดรนไร้คนขับอัตโนมัติครั้งแรกของเมืองไทย (Thailand 1st Fully Autonomated Drone Solution) และพัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยี AI นั้น
ทีม ARV ยังได้นำโดรนฮอรัสไปทำงานร่วมกับ ‘กรมทางหลวง’ เพื่อบินสำรวจสภาพจราจรที่หนาแน่นในช่วงเทศกาลปีใหม่ และเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา โดย ฮอรัส ทำหน้าที่ช่วยวิเคราะห์สภาพจราจรที่มีจุดแน่นหนา ถ่ายทอดสดวิดีโอสภาพการจราจรและหางแถวของรถ และหากจุดใดมีอุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดขึ้น ระบบจะทำการแจ้งเจ้าหน้าที่แบบเรียลไทม์ ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถเดินทางไปยังจุดนั้นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที
![](https://www.thenicebrand.com/wp-content/uploads/2023/12/7.-ช่วยกรมทางหลวงวิเคราะห์ข้อมูลสภาพจราจร-แจ้งอุบัติเหตุได้แบบเรียลไทม์-1-840x473.jpg)
นอกจากนี้ “ฮอรัส” ยังต่อยอดโซลูชันสู่ “LOGISTICS DRONE” สามารถขนส่งทางไกล และแบกรับพัสดุที่มีน้ำหนักสูงถึง 10 กก. พร้อมทั้งบินขึ้น-ลง ในแนวดิ่งและทำความเร็วได้อย่างดี ในปีที่ผ่านมาโลจิสติกส์โดรนนี้ ได้รับการทำทดสอบในพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ จ.ระยอง ซึ่งเป็นพื้นที่ศูนย์ทดสอบนวัตกรรมของ ปตท.สผ. ผ่านการจำลองสถานการณ์การบินขนส่งพัสดุภัณฑ์ทางการแพทย์ พร้อมความมุ่งหวังว่า โลจิสติกส์โดรนนี้ จะสามารถเพิ่มการบินในระยะวิสัยได้ไกลขึ้น และแบกรับน้ำหนักของพัสดุได้มากขึ้น
![](https://www.thenicebrand.com/wp-content/uploads/2023/12/7.-ช่วยกรมทางหลวงวิเคราะห์ข้อมูลสภาพจราจร-แจ้งอุบัติเหตุได้แบบเรียลไทม์-840x473.jpg)
การใช้งานด้านขนส่งทางไกล เป็นการผสมผสาน 3 เทคโนโลยีหลัก คือ 1. เครือสัญญาณ 5G จาก AIS ที่สามารถทำให้โดรนเคลื่อนที่ไปไหนก็ได้ที่เครือข่ายเข้าถึง 2. ระบบการจัดการจราจรระบบอากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aircraft System Traffic Management: UTM) รองรับกรณีการใช้งานโลจิสติกส์โดรนหรือโดรนต่างๆ ในเชิงพาณิชย์ที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต ซึ่งสิ่งสำคัญที่เลี่ยงไม่ได้คือ การควบคุมการจราจรของอากาศยานไร้คนขับ โดยปัจจุบัน ARV ได้เตรียมพร้อมในการทำแพลตฟอร์มขึ้นมารองรับนโยบายและการกำกับดูแลในการสร้าง ระบบนิเวศทางอากาศที่ปลอดภัยนี้แล้ว และ 3. เทคโนโลยี Edge Computing ที่เมื่อโดรนไร้คนขับอัตโนมัติ ทำงานแล้ว จะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเองได้ หรือแม้กระทั่งในมุมออฟไลน์ หากเกิดสถานการณ์คับขันโดรนก็สามารถวิเคราะห์และตัดสินใจเองได้
![](https://www.thenicebrand.com/wp-content/uploads/2023/12/8.-ช่วยกรมทางหลวงวิเคราะห์ข้อมูลสภาพจราจร-แจ้งอุบัติเหตุได้แบบเรียลไทม์-840x472.jpg)
ARV ขยายขีดความสามารถเทคโนโลยี ทำงานลดความเสี่ยงให้มนุษย์ ที่สสามารถนำไปใช้แก้ปัญหาให้ได้ทุกอุตสาหกรรม ในมุมต่างๆ ซึ่ง ARV ยังได้พัฒนาหุ่นยนต์และโซลูชันต่างๆ เพื่อใช้ในเรื่อง PTTEP Offshore Operation Digitalization การปรับรูปแบบการทำงานของธุรกิจแม่อย่าง ปตท.สผ. โดย ARV ทำหุ่นยนต์เข้าไปช่วยลดความเสี่ยงในการใช้คนทำงานในพื้นที่นอกชายฝั่งที่มีความอันตราย และค่าใช้จ่ายสูง ไม่ว่าจะเป็น หุ่นยนต์ Wellhead ทำหน้าที่สำรวจบนแท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ โดรนฮอรัสและโลจิสติกส์โดรน หุ่นยนต์สี่ขา Laika ทำหน้าที่บนแท่นปฏิบัติการนอกชายฝั่ง แพลตฟอร์ม ARV พัฒนาเพื่อเชื่อมต่อหุ่นยนต์และการทำงานของคนและหุ่นยนต์ใต้ทะเล เช่น Xplorer (เอ็กซ์พลอเรอร์) หุ่นยนต์สำรวจท่อส่งปิโตรเลียมใต้ท้องทะเลลึก Nautilus (นอติลุส) หุ่นยนต์ซ่อมท่อใต้ทะเลตัวแรกของโลก เป็นต้น
![](https://www.thenicebrand.com/wp-content/uploads/2023/12/9.-การต่อยอดโซลูชันโดรนไร้คนขับสู่-LOGISTICS-DRONE-840x473.jpg)
ในช่วงเวลา 5 ปี หลังก่อตั้ง ARV ซึ่งเป็นบริษัทลูกภายใต้กลุ่ม ปตท.สผ. ที่ริเริ่มมาจากกลุ่มคนที่สนใจในเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยีด้าน AI และหุ่นยนต์ สิ่งที่ ARV ตั้งใจพัฒนาต่อจากนี้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น คือ การเป็น Ventures Builder ที่สร้างสตาร์ตอัปที่พัฒนาเทคโนโลยี AI และหุ่นยนต์ ภายใต้ ARV ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 6 สตาร์ตอัป พร้อมทั้งมีพนักงานราวๆ 400 คนแล้ว ได้แก่
![](https://www.thenicebrand.com/wp-content/uploads/2023/12/10.-การต่อยอดโซลูชันโดรนไร้คนขับสู่-LOGISTICS-DRONE-840x473.jpg)
1. ROVULA (โรวูล่า) พัฒนาหุ่นยนต์ใต้ทะเล เพื่อใช้ในเรื่องการสำรวจและการซ่อมบำรุงท่อใต้น้ำ
2. SKYLLER (สไกเลอร์) พัฒนาเทคโนโลยีโดรนหรือหุ่นยนต์ เพื่อเก็บข้อมูลต่างๆ และนำ AI มาวิเคราะห์ ในมุมของ Assistant maintenance
3. VARUNA (วรุณา) พัฒนาเทคโนโลยีทางการเกษตร (Agriculture Tech) และเทคโนโลยีที่ควบคุมหรือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Climate Technology) ผ่านการใช้ข้อมูลดาวเทียมมาวิเคราะห์เพื่อหาคาร์บอนที่กักเก็บอยู่ในป่าและเปลี่ยนเป็นคาร์บอนเครดิต
![](https://www.thenicebrand.com/wp-content/uploads/2023/12/12.-เป้าหมายใหญ่-การเป็น-Ventures-Builder-840x473.jpg)
4. CARIVA (แคริว่า) พัฒนา Health Digital Solution ร่วมกับเทคโนโลยีด้าน AI เพื่อยกระดับการทำงานทางการแพทย์ในมุมของการวินิจฉัยและวิเคราะห์โรค
5. BIND (ไบนด์) พัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อพิสูจน์ และยืนยันตัวตน และทำธุรกรรมออนไลน์ต่างๆ
6. BEDROCK (เบดร็อค) พัฒนาแพลตฟอร์มเทคโนโลยี ด้านโลเคชัน โดยใช้ข้อมูลในเชิงด้านภูมิศาสตร์สารสนเทศ เข้ามาวิเคราะห์ให้บริการในอุตสาหกรรม เช่น ปัจจุบันมีการให้บริการแพลตฟอร์มเรื่อง Smart City กับเทศบาลในประเทศไทย
![](https://www.thenicebrand.com/wp-content/uploads/2023/12/13.-เป้าหมายใหญ่-การเป็น-Ventures-Builder-840x473.jpg)
ในการพัฒนาเทคโนโลยีให้เกิดขึ้นจริงได้ ต้องอาศัย “คน” ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุด ดังนั้นเราจึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการดูแลบุคลากรให้ทำงานอย่างมีความสุข สร้าง Innovative Environment ที่เอื้อต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อพัฒนาคนสายพันธุ์เทคที่มีความพร้อมทั้ง EQ และ IQ อาทิ ออฟฟิศเวิร์กช็อป พื้นที่ทดสอบนวัตกรรมต่างๆ ศูนย์เทคโนโลยี
รวมถึงสถาบันวิจัย สถาบันศึกษา ห้องแล็บ ร่วมกับพาร์ตเนอร์ชั้นนำทางธุรกิจต่างๆ ARV เชื่อว่าถ้าเรามี Cross Industry Collaboration ที่ต่างเข้าใจปัญหาของผู้บริโภคและความต้องการของอุตสาหกรรมต่างๆ ก็จะสามารถก่อให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลที่นำไปสู่การใช้งานในเชิงพาณิชย์ได้จริงๆ