ISSB กับกติกาสากลด้านความยั่งยืน….ที่ผู้มีส่วนร่วมในตลาดทุนทั่วโลกรอคอย

admin
0 0

Sharing is caring!

Read Time:5 Minute, 58 Second

ISSB คือใคร ออกมาตรฐานอะไร และทำไม IOSCO ซึ่งเป็นองค์กร ก.ล.ต. นานาชาติ ที่ทำหน้าที่กำกับดูแลและพัฒนาตลาดทุนของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก จึงประกาศให้การยอมรับ (endorse) มาตรฐานดังกล่าว เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2566

ผู้เขียนขอชวนมาทำความรู้จักกับกติกาใหม่ที่จะเป็นตัวเร่งเปลี่ยนโลกให้ยั่งยืนยิ่งขึ้น ซึ่งถูกพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ผู้มีส่วนร่วมในตลาดทุนทั่วโลก เริ่มจากบริษัทที่จะมีมาตรฐานในการรายงานข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนที่สอดคล้องกับความคาดหวังของผู้ลงทุนและผู้ประกอบธุรกิจตัวกลาง เช่น บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เป็นต้น ที่ต้องการข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนของบริษัทที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือ เพื่อใช้ประกอบการวิเคราะห์และตัดสินใจลงทุน ส่งเสริมบทบาทหน้าที่การจัดสรรเงินลงทุนเพื่อขับเคลื่อนประเทศสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสังคมคาร์บอนต่ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ISSB คือใคร ออกมาตรฐานอะไร และมีประโยชน์อย่างไร

‘ISSB’ หรือ International Sustainability Standards Board เป็นหน่วยงานภายใต้การดูแลของ International Financial Reporting Standards (IFRS) Foundation โดยเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2566 ได้ออกมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวกับความยั่งยืนของบริษัทจำนวน 2 ชุด ได้แก่ IFRS S1 และ IFRS S2 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับร่วมกันในระดับสากล (global baseline) สอดคล้องกับกรอบคำแนะนำของคณะทำงานเพื่อพัฒนากรอบการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ (Task Force on Climate-related Financial Disclosures : TCFD) และมาตรฐานบัญชี International Accounting Standards Board (IASB) ถือเป็นมาตรฐานสำคัญที่ช่วยแก้ไขปัญหาในปัจจุบันที่หน่วยงานระดับสากลต่างมีหลักการและแนวปฏิบัติด้านการวัดและเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวกับความยั่งยืนของบริษัทแตกต่างกัน

การวัดผลและการเปิดเผยข้อมูลยังคงไม่สะท้อนถึงผลกระทบจากโอกาสและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยด้านความยั่งยืนต่อสถานะทางการเงินของบริษัท เปรียบเสมือนมีไม้บรรทัดหลายอัน ในการวัดและแสดงผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัทที่ไม่สามารถเปรียบเทียบและเชื่อมโยงข้อมูลได้

ดังนั้น IFRS S1 และ IFRS S2 จึงยกระดับการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทให้มีความครบถ้วนน่าเชื่อถือ จัดทำในรูปแบบภาษาบัญชีที่ผู้จัดทำรายงานทางการเงินคุ้นเคย ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้รายงานสามารถเปรียบเทียบข้อมูลด้านความยั่งยืนระหว่างบริษัททั้งในประเทศ ต่างประเทศ และต่างกลุ่มอุตสาหกรรมได้โดยสะดวกยิ่งขึ้น ถือเป็นประโยชน์ต่อการวิเคราะห์และตัดสินใจลงทุน

  • IFRS S1 และ IFRS S2 แตกต่างกันอย่างไร และผู้ประกอบธุรกิจตัวกลางจะได้รับประโยชน์อะไรจากกติกาใหม่นี้

IFRS S1 กำหนดหลักเกณฑ์ทั่วไปสำหรับบริษัทในการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน ซึ่งรวมถึงโอกาสและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน ที่เกิดจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) IFRS S2 กำหนดหลักเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลของบริษัทด้านโอกาสและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change) รวมถึงตัวชี้วัดตามกลุ่มอุตสาหกรรม (industry-based metrics) ที่บริษัทใช้ในการประเมินโอกาสและความเสี่ยงด้าน climate change เพื่อให้ผู้ใช้รายงานนำข้อมูลของแต่ละบริษัทไปเปรียบเทียบได้อย่างเหมาะสม

ทั้งนี้ หลักการสำคัญภายใต้ IFRS S1 และ IFRS S2 คือ การเปิดเผยโอกาสและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน และ climate change ที่อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ (material) ต่อข้อมูลทางการเงินของบริษัท ความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและต้นทุนของเงินทุน ทั้งในระยะสั้น กลาง ยาว โดยที่บริษัทต้องระบุงบการเงินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเผยข้อมูลภายใต้ IFRS S1 และ IFRS S2 ด้วย ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้ข้อมูลเห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนกับสถานะทางการเงินของบริษัทได้อย่างชัดเจน สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของบริษัทในการรับมือกับโอกาสและความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยด้านความยั่งยืนที่อาจส่งผลกระทบต่ความสามารถในการทำกำไร การแข่งขัน และความอยู่รอดของบริษัทได้ดีกว่ารูปแบบการรายงานข้อมูลของบริษัทในปัจจุบัน

ดังนั้น มาตรฐาน IFRS S1 และ IFRS S2 จะส่งผลให้ 1.นักวิเคราะห์การลงทุน มีข้อมูลที่จะช่วยในการประเมินและจัดทำบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ได้อย่างครอบคลุม มีคุณภาพ และเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจลงทุนของผู้ลงทุนมากยิ่งขึ้น และ 2.ผู้จัดการกองทุน มีข้อมูลประกอบการพิจารณาการบริหารจัดการความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีสำหรับผู้ลงทุนในระยะยาวต่อไป

  • แนวทางการนำ IFRS S1 และ IFRS S2 ไปใช้ในแต่ละประเทศ

แม้ ISSB จะประกาศให้เริ่มใช้ IFRS S1 และ IFRS S2 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป แต่กำหนดการบังคับใช้ในแต่ละประเทศอาจแตกต่างกันได้ โดย IOSCO ให้ ก.ล.ต. แต่ละประเทศพิจารณาแนวทางการนำมาตรฐานดังกล่าวไปบังคับใช้โดยคำนึงถึงบริบทของประเทศนั้น ๆ อย่างไรก็ดี ISSB ยังคงผลักดันให้มี ‘Assurance Standards’ ภายในสิ้นปี 2567 เพื่อให้มีมาตรฐานสากลในการตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนของบริษัท สร้างความโปร่งใส และเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนร่วมในตลาดทุนที่จะใช้ข้อมูลดังกล่าวต่อไป

นอกจากนี้ ISSB อยู่ระหว่างการจัดทำ ‘Adoption Guide’ เพื่อช่วยให้แต่ละประเทศในการออกหลักเกณฑ์รองรับ IFRS S1 และ IFRS S2 โดยจะร่วมกับ IOSCO ในการเสริมสร้างขีดความสามารถ (capacity building) ของบริษัทในการปฏิบัติตามมาตรฐานดังกล่าวด้วย

  • อนาคตประเทศไทย

“ตลาดทุนไทย” เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและประเทศสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน การเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนของบริษัทตาม IFRS S1 และ IFRS S2 จะเป็นประโยชน์อย่างมากและเป็นตัวช่วยอันทรงพลังสำหรับผู้มีส่วนร่วมในตลาดทุน โดยเมื่อบริษัทพร้อมที่จะปฏิบัติตามกติกาใหม่นี้แล้ว ผู้ประกอบธุรกิจตัวกลางก็ต้องพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงนี้เช่นกัน

ก.ล.ต. จึงได้ออกคู่มือเกี่ยวกับแนวปฏิบัติที่ดีในการบริหารจัดการและเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศสำหรับผู้ประกอบธุรกิจจัดการลงทุน ที่สอดคล้องกับกรอบคำแนะนำของ TCFD ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของ IFRS S1 และ IFRS S2 รวมทั้งได้สนับสนุน CFA Institute ในการจัดทำ Guidance For Integrating ESG Information into Equity Analysis and Research Reports[5] เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจตัวกลางมีแนวปฏิบัติที่ดีในการผนวกปัจจัยด้าน ESG และ climate change ในการวิเคราะห์หลักทรัพย์และบริหารจัดการลงทุน

ดังนั้น นักวิเคราะห์การลงทุนและผู้จัดการกองทุนจึงควร ‘ตื่นตัว’ โดยเริ่มทำความคุ้นชินกับการผนวกความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน รวมถึง climate change เข้าไปในการวิเคราะห์หลักทรัพย์และบริหารจัดการลงทุน ตามแนวปฏิบัติที่ดีในคู่มือข้างต้นเพื่อเรียนรู้และเข้าใจกระบวนการที่่เกี่ยวข้อง รวมทั้งวางแผนการดำเนินการในอนาคต เพื่อพัฒนากระบวนการดังกล่าวให้้ดียิ่งขึ้น พร้อมที่จะก้าวให้ทันกับกติกาใหม่ของสากลที่จะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจในอนาคตต่อไป

บทความโดย : นางสาวสิรีฒร ศิวิลัย

ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายผู้ประกอบธุรกิจ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

Leave a Reply

Next Post

แตร์พาวเวอร์ พัฒนาโซลูชันผลิตซ้ำแผงโซล่าเซลล์เก่า เพิ่มความยั่งยืน ช่วยสัตว์ในทะเลทราย

“แตร์พาวเวอร์” ส่งโซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์ที่ยั่งยืน นำแผงโซล่าเซลล์เก่า remanufacturing ช่วยจัดหาน้ำให้กับสัตว์ป่าและปศุสัตว์ ในพื้นที่ทะเลทราย รัฐแอริโซนา ต่อยอดจากการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ช่วยชีวิตสัตว์ อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และเพิ่มการเข้าถึงแหล่งน้ำ

You May Like