กลุ่มบริษัทบางจาก เปิดยุทธศาสตร์ธุรกิจยั่งยืน สู่ปี 2030

admin
0 0

Sharing is caring!

Read Time:9 Minute, 21 Second

กลุ่มบริษัทบางจาก เผยยุทธศาสตร์องค์กร สะท้อนการเติบโตยั่งยืน หลังวิกฤติโควิด-19 คลี่คลาย ประกาศปรับวิสัยทัศน์สู๋ “รังสรรค์โลกยั่งยืนด้วยนวัตกรรมสีเขียว” พร้อมเปิดอัตลักษณ์องค์กรใหม่ ร่วมขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำ มุ่งสร้างสมดุลระหว่างความมั่นคงทางพลังงานและการสร้างความยั่งยืนของโลก

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าบริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากวิกฤติโควิด-19 ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อต้นปี พ.ศ. 2563 (ค.ศ. 2020) กลุ่มบริษัทบางจากได้ปรับองค์กรเพื่อความยั่งยืนผ่านแนวคิด 3Rs – Refocus: เร่งสร้างความมั่นคงด้านพลังงานควบคู่กันกับการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด Restructure: การปรับองค์กรเพื่อสร้างช่องทางในการเข้าถึงตลาดและลูกค้า และ Reimagine: การใช้โอกาสและเครื่องมือในการลงทุนที่เหมาะสมเพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัท ส่งผลให้บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 (ค.ศ. 2021) โดยล่าสุด ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2565 (ค.ศ. 2022) มี EBITDA สูงถึง 37,773 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยรากฐานที่มั่นคง มีความยืดหยุ่นสูงจากศักยภาพในการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจให้สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนไปและการเติบโตจากการขยายธุรกิจในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

“วันนี้ กลุ่มบริษัทบางจากกำลังมุ่งสู่ช่วงเวลาสำคัญครั้งใหม่ที่ท้าทาย ภายใต้เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission) ในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) โดยมีเป้าหมายแรกคือความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี พ.ศ. 2573 (ค.ศ. 2030) บริษัทฯ จึงได้มีการปรับวิสัยทัศน์และ พันธกิจองค์กร สู่วิสัยทัศน์ใหม่ ‘รังสรรค์โลกยั่งยืนด้วยนวัตกรรมสีเขียว’ และกำหนดยุทธศาสตร์การเติบโตจนถึงปี พ.ศ. 2573 (ค.ศ. 2030)

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าบริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

สำหรับทั้ง 5 กลุ่มธุรกิจที่สอดรับกับแนวทางของแผนงาน BCP 316 NET เพื่อรองรับเป้าหมายสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต” นายชัยวัฒน์กล่าว

  • กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน

มุ่งต่อยอดการเติบโตจากศักยภาพใหม่ ๆ โดยนอกจากด้านการกลั่นและการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตแล้ว บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นในส่วนของการผลิตผลิตภัณฑ์นอกเหนือจากน้ำมันยานยนต์และเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพตามความต้องการของตลาดหรือลูกค้าเฉพาะกลุ่ม (Niche Products Refinery) เช่น Unconverted Oil และเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel หรือ SAF) ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วน EBITDA ของกลุ่มธุรกิจเชื้อเพลิงนอกยานยนต์เป็นกว่า 60% ภายใน พ.ศ. 2573 (ค.ศ. 2030)

โรงกลั่นบางจากมีการปรับตัวมาพอสมควร แล้วก็จะปรับต่อไป จากการที่เป็นโรงกลั่นขนาดไม่ใหญ่มาก จึงปรับตัวได้ไว ทำให้ทุกวันนี้โรงกลั่นของบางจากแข็งแกร่ง
• ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วน EBITDA ของกลุ่มธุรกิจเชื้อเพลิงที่เป็น extended core businesses เป็นกว่า 60% ภายในค.ศ. 2030
• มุ่งเน้นในส่วนของการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพตามความต้องการของตลาดหรือลูกค้าเฉพาะกลุ่ม
• เพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตของธุรกิจหลัก
• BCP Trading เติบโตจนเป็นผู้ค้าน้ำมันอิสระอันดับ 1 ที่ตลาดสิงคโปร์

  • กลุ่มธุรกิจการตลาด

เร่งตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ครบครัน เพื่อให้เป็นมากกว่าสถานที่เติมน้ำมัน โดยมุ่งมั่นเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่ตอบโจทย์คนทุกวัยภายใต้แนวคิด “YOUR” Greenovative Destination for Intergeneration ผ่านการเติบโตจากธุรกิจ Non-Oil อย่าง อาหารและเครื่องดื่ม และ EV Charger สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนความร่วมมือกับคู่ค้าและรายได้จากแฟรนไชส์ เพื่อขยายเครือข่ายสถานีบริการบางจากด้วยเป้าหมาย 1,900 แห่ง และร้านกาแฟอินทนิล 3,000 แห่งทั่วประเทศในปี พ.ศ. 2573 (ค.ศ. 2030)

ธุรกิจตลาดของบางจากโตอย่างมั่นคง ไม่ได้โตแบบก้าวกระโดด และเราเติบโตทุกปีอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมจะเป็นเดือนที่ยอดขายสูงสุดของปี
• ตั้งเป้าขยายเครือข่ายสถานีบริการบางจากเป็น 1,900 แห่งและร้านกาแฟอินทนิล 3,000 แห่งทั่วประเทศในปี ค.ศ. 2030

Unique Design Service Station เพื่อให้เป็นมากกว่าสถานที่เติมน้ำมัน โดยมุ่งมั่นเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค
• นำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงอย่างต่อเนื่อง
• สร้างการเติบโตธุรกิจ Non-Oil (ร่วมมือกับคู่ค้าและจากแฟรนไชส์)
• สร้างความผูกพันกับลูกค้าด้วยดิจิทัล

  • กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้า

ภายใต้การดำเนินงานโดยบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) วางเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเป็น 6,800 GWh โดยมีสัดส่วนหลักจากการเติบโตในกลุ่มธุรกิจพลังงานสีเขียว ทั้งจากโครงการในประเทศอันเนื่องมาจากแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยฉบับใหม่ (PDP 2022 ระหว่างปี พ.ศ. 2565-2580 หรือ ค.ศ. 2022-2037) และการเติบโตในต่างประเทศตามการเปลี่ยนผ่านพลังงานของโลกสู่พลังงานสะอาด เสริมด้วยธุรกิจที่มีศักยภาพในอนาคต เช่นธุรกิจแบตเตอรี่และการกักเก็บพลังงาน การให้บริการด้านเทคโนโลยีพลังงาน พลังงานรูปแบบใหม่และธุรกิจคาร์บอนต่ำอื่น ๆ

นอกจากธุรกิจหลักที่เป็นโรงไฟฟ้า คอยติดตามความคืบหน้าด้านการลงทุนจากบีซีพีจี (ด้านการจัดการ Supply Chain ของธุรกิจแบตเตอรี่)
• ตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเป็น 6,800 GWh จากการเติบโตของธุรกิจพลังงานสีเขียว ทั้งจากโครงการในประเทศและต่างประเทศ
• ขยายธุรกิจที่มีศักยภาพในอนาคต เช่น ธุรกิจแบตเตอรี่และการกักเก็บพลังงาน การให้บริการด้านเทคโนโลยีพลังงาน พลังงานรูปแบบใหม่และธุรกิจคาร์บอนต่ำอื่น ๆ
• ธุรกิจคาร์บอน เครดิต

  • กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ

ภายใต้การดำเนินงานโดยบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) ได้กำหนดแนวทางและเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนธุรกิจหลักกว่า 70% ของ EBITDA ให้มาจากผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง โดยเน้นการรุกขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีชีววิทยาสังเคราะห์ (Synthetic Biology หรือ SynBio) เพื่อนำมาออกแบบและสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติตรงตามที่ต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลสุขภาพและความงามของผู้บริโภคสอดรับกับเทรนด์ของโลก เช่น good health and well–being นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนต่อยอดการเติบโตในกลุ่มธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชื้อเพลิงอากาศชีวภาพแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel -SAF) สำหรับอุตสาหกรรมการบิน

ธุรกิจหลักผ่านจุดต่ำสุดช่วงไตรมาส 2-3 ไปแล้ว แนวโน้มธุรกิจจะดีขึ้น จะต่อยอดธุรกิจชีวภาพมูลค่าสูง (HVP)
• เป้าหมายเพิ่มสัดส่วนธุรกิจหลักกว่า 70% ของ EBITDA ให้มาจากผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง
• รุกขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลสุขภาพและความงามของผู้บริโภค
• จะตั้งโรงงานพัฒนา ผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง (CDMO)
• ต่อยอดการเติบโตในกลุ่มธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชื้อเพลิงอากาศชีวภาพแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel -SAF)

  • กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและธุรกิจใหม่

มุ่งเน้นการเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานผ่านการขยายธุรกิจในกลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ โดยในส่วนของธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมนั้น มีเป้าหมายการผลิตมากกว่า 100,000 boepd (บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน) ภายในปี พ.ศ. 2573 (ค.ศ. 2030) จากการดำเนินการแหล่งปิโตรเลียมในประเทศของนอร์เวย์ผ่านบริษัทฯ OKEA ASA ที่กลุ่มบริษัทบางจากเป็นผู้ถือหุ้นหลักในปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาการเติบโตในธุรกิจด้านทรัพยากรธรรมชาติในแหล่งอื่น ๆ ที่มีศักยภาพในอนาคตอีกด้วย

กำลังการผลิตของ OKEA จะเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้จากทั้ง Organic growth และ Inorganic growth ในอนาคต
• ตั้งเป้าหมายการผลิตมากกว่า 100,000 boepd (บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน) ภายในปี ค.ศ. 2030 จากการดำเนินการแหล่งปิโตรเลียมในประเทศของนอร์เวย์ผ่านบริษัทฯ OKEA ASA และพิจารณาการเติบโตในธุรกิจด้านทรัพยากรธรรมชาติในแหล่งอื่นๆ ที่มีศักยภาพในอนาคต
• ตั้งเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วน EBITDA กว่า 7,000 ล้านบาทภายในปีค.ศ. 2030
o Winnonie – Battery as a Service ต่อยอด หาพันธมิตรใหม่ๆ และรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ
o ธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG)
o ธุรกิจ New S-Curve ใหม่ๆ

สำหรับกลุ่มธุรกิจใหม่อื่น ๆ นั้น บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วน EBITDA กว่า 7,000 ล้านบาทภายในปี พ.ศ. 2573 (ค.ศ. 2030) จากธุรกิจที่กำลังพัฒนา อาทิ Winnonie ผู้นำแพลตฟอร์มให้บริการรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าพร้อมเครือข่ายสับเปลี่ยนแบตเตอรี่อัตโนมัติ ธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และธุรกิจ New S-Curve ใหม่ ๆ
เป็นต้น

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ด้วยการวางแผนเติบโตอย่างครอบคลุมในทุกธุรกิจตามแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าว จะทำให้ EBITDA ในปี พ.ศ. 2573 (ค.ศ. 2030) เติบโตถึง 10 เท่า จากระดับเฉลี่ยประมาณ 10,000 ล้านบาท ในช่วงปี พ.ศ. 2558-2563 (ค.ศ. 2015-2020) ในขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลระหว่างความมั่นคงทางพลังงานและความยั่งยืนของโลก ตอกย้ำแนวทางการพัฒนานวัตกรรมธุรกิจอย่างยั่งยืนไปกับสิ่งแวดล้อมและสังคมที่บางจากฯ ให้ความสำคัญมาตลอดเกือบ 40 ปีของการดำเนินธุรกิจ

“นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015) เป็นต้นมา กลุ่มบริษัทบางจากในฐานะผู้นำการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ได้ขยายสู่ธุรกิจใหม่ ๆ อย่างกลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้า กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ สถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ (BiiC) นอกเหนือไปจากธุรกิจที่เป็นรากฐานสำคัญอย่างกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมันและกลุ่มธุรกิจการตลาด และมีความเป็นบริษัทสากลจากการดำเนินธุรกิจในกว่า 10 ประเทศทั่วโลก เปรียบเสมือนการเดินทางสู่บทใหม่ ๆ ที่มีโอกาสแห่งการเติบโตมากมายรออยู่ นำมาสู่การปรับอัตลักษณ์องค์กรและการเริ่มใช้ตราสัญลักษณ์องค์กร ‘ใบไม้ใบใหม่’ สื่อความหมายแทนด้วยนวัตกรรมพลังงานที่ขับเคลื่อนไปสู่อนาคตอย่างไม่สิ้นสุด เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ ‘รังสรรค์โลกยั่งยืนด้วยนวัตกรรมสีเขียว’ พันธกิจ ‘เรามุ่งมั่นขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอย่างยั่งยืน โดยคงไว้ซึ่งสมดุลแห่งความมั่นคงทางพลังงาน เสริมสร้างคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดี ด้วยนวัตกรรมโซลูชั่นสีเขียว ดำเนินธุรกิจด้วยความคำนึงถึงเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และการกำกับดูแลกิจการ (ESG) อย่างมีความรับผิดชอบต่อทุกภาคส่วน’ และกลยุทธ์องค์กรในการเติบโตและการขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัทบางจาก” นายชัยวัฒน์กล่าว

ส่วนตราสัญลักษณ์ ‘ใบไม้ใบใหม่’ เริ่มต้นใช้ทดแทนตราสัญลักษณ์รูปใบไม้เดิมอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2565 นี้เป็นต้นไป โดยการเปลี่ยนแปลงตราสัญลักษณ์องค์กรใหม่นี้ ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและบริการทางธุรกิจใด ๆ ของบริษัท อีกทั้งตราสัญลักษณ์ที่สถานีบริการบางจาก ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มธุรกิจการตลาดและสมาชิกบัตรบางจากกรีนไมล์ จะยังคงเดิม ไม่มีการปรับเปลี่ยนใด ๆ จนกว่าจะมีการสื่อสารเรื่องการเปลี่ยนแปลง

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

Leave a Reply

Next Post

Booking.com อัพเดทฟีเจอร์ ตอบโจทย์การท่องเที่ยวยั่งยืน รักษ์โลก

Booking.com อัพเดทฟีเจอร์ด้านความยั่งยืน ช่วยนักท่องเที่ยวรักษ์โลกคัดกรอง ที่พัก รถเช่าแบบไฟฟ้าและแบบไฮบริด รวมทั้งข้อมูลการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของแต่ละเที่ยวบิน