เครือข่ายธุรกิจไทย-อาเซียน ผลักดันแนวคิด EPR ตอกย้ำให้ผู้ผลิต ขับเคลื่อนการผลิตที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ไทยเบฟยำ เดินหนาธุรกิจ ภายใต้หลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนตลอดห่วงโซ่อุปทาน
ปัจจุบันเจ้าของเครือข่ายธุรกิจ ได้นำหลักการการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต ครอบคลุมตลอดทั้งชีวิตวงจรผลิตภัณฑ์ หรือ Extended Producer Responsibility : EPR มาเป็นแนวทางใน การดำเนินธุรกิจด้วยคำนึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร ซึ่งหลักการดังกล่าวสอดคล้อง กับการดำเนินงานของ บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ ไทยเบฟ ที่ได้ยึดมั่นในหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน และคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมที่เกิดขึ้นจากบรรจุภัณฑ์ นับตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการจัดบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภค
ล่าสุดได้สนับสนุนการจัดงาน C asean Forum (CaF) ในหัวข้อ “ASEAN Action Towards Circular Economy: Move Forward with Extended Producer Responsibility” จัดโดย ซี อาเซียน (C asean) ร่วมกับ เครือข่ายธุรกิจห่วงโซ่อุปทานแห่งประเทศไทย (Thailand Supply Chain Network หรือ TSCN) และ ศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน (ASEAN Centre for Sustainable Development Studies and Dialogue หรือ ACSDSD) ด้วยเล็งเห็นความสำคัญของการดำเนินการเพื่อนำหลักการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต หรือ Extended Producer Responsibility (EPR) มาใช้ทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย
ต้องใจ ธนะชานันท์ กรรมการผู้จัดการ ซี อาเซียน กล่าวย้ำถึงความสำคัญของ EPR ที่มีต่อการนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในอาเซียน ในขณะที่ภูมิภาคนี้กำลังรับมือความท้าทายต่าง ๆ เช่น การบริหารจัดการของเสียและการลดลงของทรัพยากรอย่างรวดเร็ว
ปัจจุบันประเทศสมาชิกอาเซียนหลายประเทศกำลังพิจารณาถึงการนำหลัก EPR มาใช้ตามบริบทของตัวเอง การได้แบ่งปันประสบการณ์และตัวอย่างการดำเนินงานร่วมกันในวันนี้ จะช่วยผลักดัน EPR ให้ใช้ได้จริงและเกิดผลสัมฤทธิ์
ASEAN Centre for Sustainable Development Studies and Dialogue หรือ ACSDSD และ Thailand Supply Chain Network ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกการพัฒนาที่ยั่งยืนในประเทศไทย การรวมตัวในงาน C asean Forum (CaF) ครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของความพยายามร่วมกัน เพื่อผลักดันหลักการ EPR และบทเรียนต่าง ๆ ไปสู่นโยบายระดับประเทศ สู่มาตรฐานอุตสาหกรรม และสู่โครงการในระดับชุมชน
ปฏิญญา ศิลสุภดล รองเลขาธิการและคณะกรรมการบริหารสถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า EPR คือ หลักการเพื่อให้ผู้ผลิตมีความรับผิดชอบในผลิตภัณฑ์ของตนร่วมกันตลอดห่วงโซ่ ในประเทศไทยไม่ได้โฟกัสอยู่ที่การเก็บกลับบรรจุภัณฑ์เท่านั้น แต่คำนึงตั้งแต่การออกแบบ การสื่อสารกับผู้บริโภคเกี่ยวกับการจัดการบรรจุภัณฑ์หลังใช้งาน ระบบการรวบรวมเพื่อคัดแยกและนำบรรจุภัณฑ์กลับมารีไซเคิล
ปัจจุบันภาครัฐกำลังขับเคลื่อนเรื่องกฎหมาย EPR โดยเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมกัน สร้างระบบเก็บกลับที่มีประสิทธิภาพ ถ้ามีกรอบกฎหมาย EPR ที่ชัดเจน จะทำให้เห็นผลว่า การเก็บกลับอย่างมีประสิทธิภาพ ได้วัสดุที่มีคุณภาพเข้าระบบ ส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตลดลง หากไม่มีระบบที่ดี อนาคตเราอาจจะไม่มีวัตถุดิบกลับมาใช้ อาจจะต้องเสียภาษีหรือค่ากำจัด ค่าจัดการบางอย่าง ดังนั้นเพื่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน EPR คือหลักการที่จะทำให้ภาคเอกชนเข้ามาทำงานร่วมกันและสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้เกิดขึ้น
Kai Hofmann Program Head จาก GIZ ได้แบ่งปันมุมมองในหัวข้อ ‘Circular Economy for the ASEAN Region’ โดยกล่าวว่า ปัจจุบันมีการพูดถึง EPR อย่างกว้างขวางว่าเป็นแนวปฏิบัติสำหรับการออกแบบเพื่อรีไซเคิลเป็นสิ่งสำคัญ เพราะสุดท้าย และเป้าหมายสูงสุด คือการนำวัสดุไปรีไซเคิล และเป็นเรื่องน่ายินดีที่ตอนนี้มีหลายเครือข่ายธุรกิจต่างก็เริ่มผลักดันให้เกิดการดำเนินการเกี่ยวกับ EPR ในภูมิภาคอาเซียน ทำให้ตอนนี้เกือบทุกประเทศมีเครือข่าย EPR แบบอาสา ซึ่งทำให้เห็นว่าภาครัฐรวมถึงภาคเอกชน ยินดีที่จะแสดงออกถึงความรับผิดชอบ
องค์กรที่รับผิดชอบการจัดการบรรจุภัณฑ์ หรือ PRO เป็นหัวใจของการขับเคลื่อน EPR โดยควบคุมดูแลทั้งระบบตั้งแต่กระแสการเงิน และการไหลของเสีย รวมไปถึงการรับผิดชอบการจดทะเบียน การบริหารจัดการ รวบรวมข้อมูล ให้ความรู้ กำกับดูแล บริหารการเงินและจัดทำรายงาน
ต่อด้วยการแชร์ประสบการณ์และตัวอย่างการดำเนินงานในยุโรป ในหัวข้อ “EPR Learning from EU Experiences” โดย ผศ.ดร.ปเนต มโนมัยวิบูลย์ ซึ่งทำงานใกล้ชิดกับโครงการ EU SWITCH-Asia Programme ซึ่ง ดร.ปเนต ยังได้ร่วมแสดงความคิดเห็นใน Panel Discussion หัวข้อ “Promoting EPR Across ASEAN” ร่วมกับ คุณ Carlo Delantar จาก Circular Economy Philippines และ Gobi Partners คุณ Rocky Pairunan จาก WRI Indonesia และ ดร.แอนโทนี่ ประมวลรัตน จาก ACSDSD
ส่วนงานเสวนาในช่วงบ่าย เริ่มด้วยหัวข้อ “Thailand National EPR” โดย คุณปฏิญญา ศิลสุภดล รองเลขาธิการ ส.อ.ท ดูแลสายงาน TIPMSE ต่อด้วยการบรรยายในหัวข้อ “Financial Mechanism for Thailand’s Circular Economy: Regulatory Perspective” โดย คุณปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดี กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และหัวข้อ “Financial Mechanism for Thailand’s Circular Economy: Funding Perspective” โดย คุณ Rieko Kubota วิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมอาวุโสจาก The World Bank
ปิดท้ายด้วย Practitioner Panel Discussion ในหัวข้อ “Advancing Sustainable Recycling” ซึ่งได้รับเกียรติจากตัวแทนของบริษัทชั้นนำที่ผลักดัน EPR อย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย คุณสุนทร ยงค์วิบูลศิริ ผู้อำนวยการ ESG and Sustainability จาก บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) คุณสลิลลา สีหพันธ์ ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด คุณกิติยา แสนทวีสุข Head of Sustainability จากบริษัท ไทยเบเวอร์เรจแคน จำกัด และ คุณวิจิตรา สุภาคง ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยง บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน)
นอกจากนี้ ภายในงาน ได้มีการจัดแสดงบูธจากองค์กรชั้นนำ อาทิ เครือข่ายห่วงโซ่อุปทานแห่งประเทศไทย (TSCN) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) บริษัท ซัสเทนอะบิลิตี้ เอ็กซ์โป จำกัด ศูนย์ซี อาเซียน ศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน (ACSDSD) สถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม (TIPMSE) บริษัท เบอร์ลี่ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทย เบเวอร์เรจ แคน จำกัด บริษัท เวสต์ร๊อค (ประเทศไทย) จํากัด บริษัท เอ็กโคแล็บ จำกัด และบริษัท เฮงเค็ล (ประเทศไทย) จำกัด
นับเป็นอีกหนึ่งงานเสวนาที่ตอบโจทย์เรื่องการขับเคลื่อนอาเซียนไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนที่ปกป้องสิ่งแวดล้อม และกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ที่ดีของสังคม โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การสัมมนาครั้งนี้ เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของอาเซียนและประเทศไทยในการพัฒนาที่ยั่งยืนและการจัดการทรัพยากรอย่างมีความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นการวางรากฐานสำหรับอนาคตที่เศรษฐกิจหมุนเวียนจะไม่เป็นเพียงแนวคิด แต่เป็นความจริงที่เราต้องสร้างร่วมกัน