นายกสมาคม UNGCNT กระตุ้นไทยพัฒนาทุนมนุษย์ มุ่งสู่เป้า SDGs 17 ข้อ

admin
0 0

Sharing is caring!

Read Time:7 Minute, 9 Second

“ศุภชัย” นายกสมาคม UNGCNT เร่งพัฒนา “ทุนมนุษย์” รับมือเศรษฐกิจยุค 5.0 ที่คนและเอไอ ต้องทำงานผสานเป็นหนึ่งเดียว เพื่อผลักดันโลกเดินหน้าสู่เป้าหมาย SDGs 17 ข้อ ให้ทันเวลา หลัง 8 ปี ทั่วโลกทำได้แค่ 12% และอีก 30% ไม่เข้าเป้า

จากการประชุม GCNT FORUM ที่จัดขึ้นทุกปี เพื่อกำหนดทิศทางแลกเปลี่ยนมุมมองด้านการทำธุรกิจอย่างยั่งยืนของสมาชิกสมาคมฯ ที่มาจากทั้งภาคเอกชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนกว่า 130 องค์กร ศุภชัย เจียรวนนท์ ในฐานะนายกสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย หรือ UNGCNT และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการระดมสมอง เพื่อเตรียมการประชุมด้านความยั่งยืนสำคัญระดับโลก เช่น การประชุม COP28 ที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า พร้อมทั้งประกาศเจตนารมณ์ช่วยขับเคลื่อนประเทศไทย ให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้ง 17 ข้อ

“จากการประชุม SDGs Summit ที่นิวยอร์ก เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปร่วมในนามของนายกสมาคมฯ ประชาคมโลก ต่างกังวลกับการบรรลุเป้าหมายทั้ง 17 ข้อ ที่เดินหน้าอย่างล่าช้า เพราะมีเพียง 12% ของเป้าหมายเท่านั้นที่เดินหน้าตามแผน ส่วนเป้าหมายอีก 30% ไม่คืบหน้าหรือตกต่ำกว่าเกณฑ์เมื่อปี ค.ศ. 2015 ซึ่งเป็นปีเริ่มต้น

ดังนั้น ทุกคนต่างต้องร่วมกันค้นหาปัจจัยแห่งความสำเร็จ ที่จะช่วยให้โลกบรรลุเป้าหมายทั้ง 17 ข้อ ให้ทันเวลาในอีก 7 ปีข้างหน้า ทั้งเรื่องเงินทุน ภาวะผู้นำ ตลอดจน เทคโนโลยีและนวัตกรรม”

ในส่วนของสมาคมฯ ซึ่งมีการประกาศเจตนารมณ์ของสมาชิกสมาคมฯ ในแต่ละปี นำไปสู่ผลลัพธ์ที่จับต้องได้จริง ตอนนี้สมาชิกสมาคมฯ กว่า 50 องค์กร หรือประมาณกว่า 80% ของสมาชิกเมื่อปีที่แล้ว ที่ได้ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายใน ค.ศ. 2050 หรืออย่างช้าที่สุดไม่เกิน ค.ศ. 2070 สอดคล้องกับการประกาศเจตนารมณ์ของสมาคมฯ และช่วยกำหนดเป้าหมายของประเทศไทย สำหรับการประชุม COP27

จนปัจจุบัน ประเทศไทยมีองค์กรเกือบ 100 องค์กร ที่ตั้งเป้า Net Zero แล้ว และโดยพื้นฐานการพัฒนาประเทศ คือ การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนหรือ SDGs ทั้ง 17 ข้อ

ปัจจัยแห่งความสำเร็จสำคัญอีกประการหนึ่ง ที่อาจยังไม่มีการกล่าวถึงมากนัก คือ การเตรียมความพร้อมของ “คน” หรือทรัพยากรมนุษย์ ที่นอกจากจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน อย่างแท้จริงแล้ว ยังจำเป็นสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ในยุคต่อไป หรือยุค 5.0

เกิดคำถามว่า ยุค 5.0 คือ อะไร

ปัจจุบัน โลกอยู่ในยุค 4.0 ซึ่งเป็นยุคของการประมวลข้อมูล ข้อมูลมีค่าดั่งน้ำมันในอากาศ โลกกำลังก้าวสู่ยุค 5.0 ยุคที่มนุษย์และเทคโนโลยี โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ผสมผสานเป็นหนึ่งเดียวกัน

AI หยิบยื่นทั้งโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และอาจทำให้คนเป็น Superhuman แต่มีความเสี่ยงเช่นกัน ดังตัวอย่างของอาชญากรรมทางไซเบอร์ ที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว และอาจต่อยอดไปถึงสงครามทางไซเบอร์ หรือสงคราม AI มีผลรุนแรงที่เราไม่สามารถคาดการได้ หากเราใช้ AI โดยปราศจากคุณธรรมและธรรมาภิบาล กำกับ

ดังนั้น คุณธรรม จริยธรรม ซึ่งสอดคล้องกับหลักการความยั่งยืนว่าด้วย เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม จึงจะเป็นคุณค่าสำคัญ เพิ่มเติมจากยุค 4.0 เพื่อกำกับการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้

ศุภชัย กล่าวว่า อาจเรียกยุค 5.0 ใหม่ ที่เราควรสร้างร่วมกันนี้ว่า Sustainable Intelligence-Based หรือ SI Society แปลว่า“สังคมแห่งภูมิปัญญาที่ยั่งยืน” หรือยุค “SI over AI” และเราจำเป็นต้องเตรียม “คน” ให้พร้อม สำหรับยุค 5.0 ที่กำลังจะเกิดขึ้น

เราต้องเตรียมความพร้อมเรื่อง “คน” สำหรับเศรษฐกิจและสังคมสู่ยุค 5.0 ที่เร่งรัดเข้ามาแล้ว ดัชนีการพัฒนาทุนมนุษย์ระดับโลก ต่างชี้ไปในทางเดียวกันว่า ไทยต้องลงมือ และเร่งมือพัฒนาทุนมนุษย์ ตั้งแต่วันนี้ ก่อนจะสายเกินไป

ปัจจุบัน การพัฒนาทุนมนุษย์ของไทยและความพร้อมต่ออนาคต ยังถูกประเมินอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าขนาดของ GDP มาก ไทยยังเผชิญข้อท้าทายหลายประการ อาทิ ระดับความรู้แนวลึก และทักษะด้านการใช้เทคโนโลยี

ดังนั้น การพัฒนา “คน” หรือ “ทุนมนุษย์” ของไทย รอไม่ได้อีกต่อไป

นอกเหนือจากนโยบายของภาครัฐ รวมทั้งกิจกรรมของภาคเอกชน และภาคส่วนต่าง ๆ ที่ดำเนินอยู่อย่างดีแล้วในปัจจุบัน ศุภชัย ยังเสนอแนวทางเพิ่มเติม ที่คาดว่าจะช่วยเสริมการพัฒนาทุนมนุษย์สำหรับยุค 5.0 มุ่งสู่ “สังคมแห่งภูมิปัญญาที่ยั่งยืน” ดังนี้

  • นักเรียน นักศึกษา ที่อยู่ในระบบกว่า 12.5 ล้านคน ต้องรู้จักใช้เทคโนโลยีดิจิทัลแก้ปัญหา เรียนรู้ด้วยการลงมือทำจริง หรือ Action-Based Learning เสริมกิจกรรมแบบ Extra Curricular เพื่อสร้าง “นักสำรวจและทดลอง” หรือ Explorer เรียนรู้เพิ่มเติมด้วยคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊คประจำตัว ที่โรงเรียนให้ยืม พร้อมโปรแกรมคัดกรองเนื้อหา เรียนหลักสูตรที่ต้องตอบสนอง ทั้งความสนใจของผู้เรียนและความต้องการของตลาดแรงงาน เพิ่มความสามารถในการปรับตัว ด้วย Growth Mindset กล่าวคือ ได้รับการบ่มเพาะ “จิตสำนึกแห่งความยั่งยืน”
  • ครูผู้สอน ก็สำคัญ ต้องปรับบทบาทจาก ผู้สอน หรือ Instructor เป็น โค้ช ผู้นำกระบวนการเรียนรู้ หรือ Facilitator ดึงศักยภาพของนักเรียน นักศึกษา เพื่อบ่มเพาะผู้นำการเปลี่ยนแปลง มีตัวชี้วัด ประกอบการจัดทำรายงานประเมินผลงานของครู ที่ส่งเสริมความโปร่งใส

บทบาทของครูผู้สอน ไม่ได้จำกัดแต่ในสถาบันการศึกษาเท่านั้น ภาคเอกชน มีบทบาทนี้ได้ เช่น จัดกิจกรรมเป็นฐานหรือศูนย์การเรียนรู้ ลักษณะ Action-Based หรือ Experience-Based Learning สอดคล้องกับ SDGs ข้อที่เกี่ยวกับธุรกิจของตนเพื่อสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจ เรื่องคุณธรรมและธรรมาภิบาลสู่ความยั่งยืน วางกรอบความคิดใหม่ แก่นักเรียน นักศึกษา เยาวชนคนรุ่นใหม่ เพราะกระบวนการเรียนรู้ เรื่องคุณธรรม จริยธรรม ซึ่งเชื่อมโยงใกล้ชิดกับหลักการความยั่งยืนจะถูกถ่ายทอด ผ่านกระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเองนี้ ช่วยปลูกฝังจิตสำนึก ฝึกการร่วมแก้ปัญหาระดับมหภาค คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม ด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

สำหรับแรงงาน เทคโนโลยียุค 5.0 ต้องการแรงงาน ที่มีทักษะต่างจากเดิม องค์กรควรปรับมุมมองในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ด้วยการวิเคราะห์ว่า เราจะใช้ประโยชน์จาก AI อย่างไรให้เสริมงานที่เราทำ นายจ้าง รวมถึง ภาครัฐ ควรเตรียมทักษะแรงงานและทรัพยากรมนุษย์อย่างไร เพื่อให้แรงงานปัจจุบันและอนาคต สามารถทำงานกับ AI ได้ มากกว่ากังวลว่า AI จะแย่งงานของเร

ทุกคนควรตั้งคำถามร่วมกันว่า จะปลูกฝังให้คนรุ่นใหม่ มี “ภูมิปัญญาที่ยั่งยืน” ผ่าน life-long learning อย่างไร มากกว่ามุ่งตั้งข้อสังเกตว่า ทำไม ยังมีช่องว่างทางความคิดระหว่างคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่า

การเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุค 5.0 ควรมีความรับผิดชอบและการดูแล หรือ Just Transition ต้องช่วยกันดูแลและปรับทักษะแรงงาน เพื่อการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุค 5.0 โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานทักษะล่าง ถึง กลาง ซึ่งคิดเป็น 90% ของแรงงานไทยทั้งหมด ที่มีราว 39.6 ล้านคน และต้องเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุค 5.0 ทั้งสิ้น

ต้องส่งเสริมการเข้าถึงการศึกษา และการมีงานทำ สำหรับกลุ่มเปราะบาง อาทิ กลุ่มเยาวชนที่ไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษา การทำงาน หรือการอบรม กลุ่มที่อาจถูกมองข้าม เช่น คนพิการ สตรี คนสูงอายุ แรงงานข้ามชาติ คนไร้สัญชาติ กลุ่มคนหลากหลายทางเพศ และคนที่พ้นโทษ

ผมเชื่อว่า “คน” ที่มีภูมิปัญญาที่ยั่งยืนหรือคนยุค SI จะช่วยให้สังคมไทย และสังคมโลก จัดการกับข้อท้าทายต่าง ๆ บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้ง 17 ข้อ ได้จริงตามกำหนด

สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย จะไม่หยุดยั้ง ที่จะระดมกำลัง สนับสนุนการปฏิรูประบบการศึกษา เพิ่มขีดความสามารถของครู อาจารย์ บุคลากรทางการศึกษา พัฒนาแรงงานให้มีทักษะเหมาะสมต่อการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค 5.0 เน้นการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรมสร้างคนที่อุดมไปด้วย “ภูมิปัญญาที่ยั่งยืน” สร้างพื้นที่แห่งการพัฒนาที่ยั่งยืนแก่ทุกคน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

Leave a Reply

Next Post

‘บางจากฯ’ เคาะ Regenerative Fuels - SAF ตอบโจทย์ขับเคลื่อนโลกยั่งยืน

บางจากฯ เผย “Regenerative Fuels: Sustainable Mobility” เชื้อเพลิงสังเคราะห์ ตอบโจทย์การเดินทางยั่งยืน ขณะที่ SAF เป็นทางเลือกพลังงานอุตสาหกรรมการบิน ผลักดันสู่เป้าหมาย Net Zero 2050

You May Like