Dr.JiLL รุกขยายตลาด จีน และ อาเซียน ดึง “ซงจุงกิ”เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ สร้างการรับรู้แบรนด์ พร้อมเปิดสูตรใหม่ พลัส สารไฮยาลูโรนิก ฟิลลิง สเฟียร์ และสารบำรุงนวัตกรรม ตอกย้ำจุดขาย “ขวดเดียวตอบโจทย์ปัญหาผิว”
นายสักก์พิพัฒน์ ประภาสิทธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีอาร์เจแอล กรุ๊ป จำกัด (DRJL GROUP) เปิดเผยว่า Dr.JiLL ได้ก้าวสู่ปีที่ 8 ในฐานะแบรนด์สกินแคร์สัญชาติไทย ที่ถูกจัดอันดับที่เป็น 1 ใน 10 แบรนด์มาแรงจากผลสำรวจของ ควอลิตี้โพล จากการสำรวจแบรนด์สกินแคร์มากกว่า 100 แบรนด์กับผู้บริโภคทั่วประเทศ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์เซรั่ม Dr.JiLL G5 Essence Plus ยังทุบสถิติยอดขายหลายล้านชิ้น พร้อมคงยอดขายเซรั่มอันดับ 1 ตลอด 7 ปี และในปี 2021 Dr.JiLL ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์สูตรใหม่ให้เข้มข้นขึ้น พลัส สารไฮยาลูโรนิก ฟิลลิง สเฟียร์ และสารบำรุงนวัตกรรมใหม่ถึง 10 ชนิด ตอกย้ำจุดแข็งของแบรนด์ในเรื่อง “ขวดเดียวตอบโจทย์ปัญหาผิว” พร้อมดึงพระเอกซูเปอร์สตาร์ระดับอินเตอร์ฉายา “สามีแห่งชาติ” อย่าง ซงจุงกิ (Song Joong Ki) มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ เพื่อขยายเข้าสู่ตลาดสากล เช่น จีน และประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)
![](https://www.thenicebrand.com/wp-content/uploads/2021/10/คุณสักก์พิพัฒน์-ประภาสิทธิ-กรรมการผู้จัดก-560x840.jpg)
สาเหตุที่ทำให้ Dr. JiLL ประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างต่อเนื่อง คือ คุณภาพและมาตรฐานของสินค้า ที่ตอบโจทย์และครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภค และยังได้รับความไว้วางใจจากนักแสดงแถวหน้าของเมืองไทย รวมถึงอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังอีกมากมาย อาทิ มาริโอ้ เมาเร่อ, คริส หอวัง, แพท ณปภา ตันตระกูล, สกาย วงศ์รวี นทีธร เป็นต้น
![](https://www.thenicebrand.com/wp-content/uploads/2021/10/เซรั่ม-Dr.-JiLL-G5-Essence-Plus_01-560x840.png)
อีกหนึ่งปัจจัยความสำเร็จที่สามารถทำให้ Dr.JiLL เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ คือ ความเชี่ยวชาญในการทำการตลาดออนไลน์ ที่มีการทำวิจัยผู้บริโภคในเชิงลึก (Consumer Research) และมีระบบการจัดเก็บข้อมูลและบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าที่ทันสมัย (CRM, Consumer Relationship Management System) ทำให้สามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้า ควบคู่กับการทำสื่อการตลาดที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย
Dr.JiLL มียอดขายหลักมาจากช่องทางออนไลน์ ส่งผลให้ยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงสถานการณ์โควิด 19 และในปีนี้จะขยายช่องทางการจัดหน่ายเพิ่มผ่านพันธมิตรที่มีศักยภาพหลายหลายช่องทาง อาทิ เช่น วัตสัน (Watson) ลาซาด้า (Lazada) ช้อปปี้ (Shopee) และช่องทางอื่น ๆ อีกมากมาย
![](https://www.thenicebrand.com/wp-content/uploads/2021/10/โครงการ-1-อิ่ม_02-840x560.jpg)
ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจควบคู่การดูแลรับผิดชอบสังคม Dr.JiLL ได้พัฒนาและจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคม ในปีที่ผ่านมา Dr.JiLL ได้ริเริ่มกิจกรรมเพื่อสังคมภายใต้ชื่อ “โครงการ 1 อิ่ม” โดยนำรายได้ส่วนหนึ่งมาสนับสนุนโครงการอาหารกลางวันให้กับเด็กที่ด้อยโอกาส ซึ่งนอกเหนือจากการสนับสนุนอาหารมอบให้เด็กแล้ว ยังสนับสนุนเงินให้โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เป็นจำนวนเงิน 1 ล้านบาท เพื่อขยายห้องไอซียูเพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับผู้ป่วยขั้นวิกฤตได้จำนวนมากขึ้น นอกจากนั้นยังมีอีกหลายๆ โครงการที่ทางเรากำลังอยู่ในช่วงดำเนินการจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
![](https://www.thenicebrand.com/wp-content/uploads/2021/10/โครงการ-1-อิ่ม_01-560x840.jpg)
![](https://www.thenicebrand.com/wp-content/uploads/2021/09/tnb-foot.png)